<หนึ่งในทฤษฎีการเรียนรู้ของนักบินที่มีออกสอบในหลักสูตรครูการบิน>
.
งานสอนบินมีความพิเศษกว่าการคนสอนคนที่นั่งเรียนอยู่บนบกอยู่อย่างหนึ่งคือ ธรรมชาติรอบตัวที่ต่างกัน ทั้งชั้นบรรยากาศ ปริมาณออกซิเจน อุณหภูมิ ความกดอากาศและอื่นๆ
.
ต่างกับสอนคนขับรถบนท้องถนน ไม่เหมือนการสอนเบสิกการหวดไม้แบดให้กับนักกีฬาที่วิ่งอยู่บนพื้นสนาม คนละเรื่องกับการสอนวงสวิงกอล์ฟบนพื้นราบ หากแต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือ ‘วิธีการเรียนรู้’
.
และผู้ที่ต้องเจาะให้ลึกถึงธรรมชาติของการเรียนรู้ของมนุษย์เราก็คือ ‘ครูผู้ฝึกสอน’
.
และนี่คือหนึ่งในหัวข้อที่แกะออกมาจากตำราสอนคนบิน มันเอาไปใช้ได้กับแวดวงอื่นๆที่ต้องถ่ายทอดองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่นไปเรื่อยๆ รวมถึงเรื่องของการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตด้วย
.
สิ่งที่นักบินทุกคนควรรู้เกี่ยวกับ ‘การเรียนรู้’
.
ไม่ว่าเราจะเรียนบินหรือเรียนใช้ชีวิต
.
คำถามคือ เราเข้าใจ ‘วิธีที่มนุษย์เรียนรู้’ มากน้อยแค่ไหน?
.
มีคำกล่าวนึงว่าไว้
“เราไม่ได้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่เราวางไว้ แต่เราจะตกอยู่ในระดับของระบบการเรียนรู้ที่เรามี”
<We don’t rise to the level of our goals. We fall to the level of our systems.>
.
ตำราการบินบอกไว้ว่า Learning is Change
.
การเรียนรู้คือ ‘การเปลี่ยนแปลง’ แบบถาวรในพฤติกรรมและมันเกิดขึ้นด้วยประสบการณ์
.
เด็กที่เคยเอาลวดเสียบปลั๊กแล้วโดนไฟฟ้าช็อต .. จะไม่ทำแบบเดิมอีกครั้ง เพราะว่า ‘เขาได้เรียนรู้แล้ว’ .. ด้วยความเจ็บปวด
.
การเรียนรู้ไม่ใช่เกิดจากการจำได้ แต่คือการ เปลี่ยนวิธีคิด และ เปลี่ยนวิธีทำ
.
เบื้องหลังสมรรถนะของนักบิน ไม่ใช่แค่การฝึกซ้ำๆเพียงอย่างเดียว แต่คือ ‘กระบวนการเรียนรู้’ ที่ซับซ้อน และมีรูปแบบที่แตกต่างกัน
.
ต่อไปนี้คือ 4 รูปแบบหลักที่นักจิตวิทยาใช้ในการอธิบายวิธีที่มนุษย์เรียนรู้ และทั้งหมดนี้ มันเกิดขึ้นบ่อยมากในห้องนักบิน
.

= Passive Learning by Association
.
นี่คือการเรียนรู้ที่เกิดจาก ‘การเชื่อมโยง’ ระหว่างสิ่งเร้าสองอย่าง
ตัวอย่างคลาสสิกคือการทดลองของ พาฟลอฟ (Pavlov) กับสุนัขที่น้ำลายไหลเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง
.
ในโลกการบิน ตัวอย่างที่ใกล้ตัวที่สุดเช่น เสียงเตือนเมื่อมีเหตุฉุกเฉินกับระบบบางอย่างผ่านเข้าหูฟังนักบินขณะบิน หรือเสียงร้องเตือนว่า Traffic ! เมื่อมีเครื่องบินอยู่ใกล้ๆเครื่องเรา
.
แม้ไม่ได้เกิดไฟไหม้จริง ๆ แต่แค่เสียงเตือนหรือไฟแสดงสิ่งผิดปกติของบางระบบโชว์ขึ้นมา ก็กระตุ้นความตื่นตัวของนักบินได้ทันที
พาฟลอฟ (Pavlov) สอนหมาให้ ‘น้ำลายไหล’ แค่ได้ยินเสียงกระดิ่ง เพราะมันเชื่อมเสียงกระดิ่งเข้ากับอาหาร
.
มนุษย์ก็เช่นกัน
.
เสียงสัญญาณเตือนเครื่องยนต์ไหม้ ก็ทำให้นักบินใจเต้นได้ แม้จะไม่มีไฟไหม้จริงๆ
เพราะสมองของเรามักจะชอบเชื่อมเสียงนั้นไว้กับสถานการณ์คับขัน
.
สรุปสั้นๆคือ
.
“ร่างกายจดจำในสิ่งที่จิตใจเชื่อมโยงกันไว้”
<The body remembers what the mind connects.>
.

= Active Learning through Rewards and Consequences
.
การเรียนรู้แบบนี้เกิดจาก การกระทำที่มีผลลัพธ์ตามมา
ถ้าครูชม → เราทำซ้ำ
ถ้าถูกตำหนิ → เราเลี่ยงที่จะทำแบบนั้นอีก
.
ตัวอย่างในการบิน
.
ศิษย์ทำ R/T call ถูกจังหวะ → ครูพยักหน้า → รอบหน้าทำได้ไว ถูกต้องและชัดเจนขึ้น
ลงจอดเร็วไปแล้วถูกติง → รอบหน้าระวังมากขึ้น
.
การเสริมแรงในเชิงบวกและลบนี้ ช่วยปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมในเวลาสั้นๆ
.
ถ้าศิษย์ R/T call แล้วครูชม เขาจะทำแบบเดิมอีก แต่ถ้าร่อนลงจอดเร็วเกินแล้วโดนติ รอบหน้าก็จะระวังมากขึ้น
นี่คือการเรียนรู้แบบ Active
.
เราทำ → ได้ผลลัพธ์ → ปรับตัว
ถ้าทำแล้วได้ผล ทำต่อไป .. ถ้าพลาด จะเข้าใจไวขึ้น จากนั้นก็เรียนรู้ให้ไว สมองมนุษย์คาดหวังผลลัพธ์ที่ดีเสมอ ถ้ามันเวิร์ก เราจะทำอีก แต่ถ้ามันห่วย เราจะยิ่งเรียนรู้ไว
.
<If it works, do it again. If it fails, learn fast.>
.

= Cognitive Learning by Realization
.
บางครั้งการเรียนรู้เกิดขึ้นจาก ‘การเข้าใจบางอย่างในทันที’ บางครั้งคนเรา อยู่ๆก็ปิ๊งแว่บเข้ามาในหัวเลย มันคือช่วงเวลาแบบ “อ๋อ… เข้าใจแล้ว” เราเรียกว่า ‘Aha Moment !’
.
ไม่ใช่การจำ ไม่ใช่การเลียนแบบ แต่คือการเชื่อมโยงความรู้เก่าเข้ากับสถานการณ์ใหม่ได้อย่างเฉียบพลัน
.
ตัวอย่างในการบินกับเฮลิคอปเตอร์ที่ชัดเจนที่สุดก็คือตอนฝึกบิน Hovering ใหม่ๆ (Hovering คือการบินลอยตัวนิ่งๆที่ความสูงใกล้ๆพื้น) แรกๆเราก็ยังไม่เข้าวิธีการคอนโทรลเครื่อง ไม่รู้ว่าจะเอากับมันยังไง ทำไงให้เอาเครื่องอยู่
.
กระทั่งวันหนึ่ง อยู่ๆมันก็ทำได้เอง
.
จากนั้นเราจะไม่ลืมมันอีกเลย
.
บางครั้ง เราไม่เข้าใจอะไรเลย
.
จนกระทั่ง มีบางอย่างเข้ามาสะกิดใจ แล้วทุกอย่างก็ ‘ปิ๊งแว่บ’ ขึ้นมา
.
เราเรียกสิ่งนี้ว่า aha moment !
.
เหมือนวันที่เราเข้าใจวิธีคิด Crosswind correction แบบลึกซึ้ง รวดเร็ว คิดในใจได้คล่องปรื๋อ หลังจากงมกับมันมาหลายรอบ
.
“การเรียนรู้ที่แท้จริงเริ่มต้นหลังจากความงุนงงเหล่านั้นสิ้นสุดลง”
<Real learning begins where confusion ends.>
.

= Modeling the Behavior of Others
.
บางตำราอธิบายย่อๆเปรียบเปรยว่า ‘Monkey See, Monkey Fly’
.
นี่คือรูปแบบที่เราทุกคนคุ้นเคยที่สุด ร้อยละเก้าสิบของการฝึกบิน นักบินทุกคนจะเรียนรู้ด้วยรูปแบบนี้
.
เราดูคนอื่นทำ → แล้วทำตาม
ในโลกการบิน ศิษย์เรียนรู้จากการดูครูการบิน
.
ครูเลี้ยวแบบ Steep turn อย่างไร ศิษย์ก็ทำแบบนั้น (Steep turn คือการเลี้ยวด้วยมุมเอียงข้างที่ลึกกว่ามุมเอียงปกติ)
.
ครู Scan instrument อย่างไร ศิษย์ก็ค่อย ๆ เลียนแบบ ค่อยๆซึบซับไป
.
ตัวอย่างในการบิน
.
ครูสมมติเหตุการณ์เครื่องยนต์ดับ (Simulate engine failure) → ทำตามขั้นตอนอย่างรวดเร็ว → ลด collective → ควบคุมรอบใบพัด → ควบคุมความเร็ว→เลือกหาพื้นที่ลง ….
.
ศิษย์จะจำภาพแรกที่ครูสาธิตให้ดู จากนั้นจะทำตามในครั้งถัดไป
.
หากครูควบคุมเครื่องได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และนุ่มนวล มีความนิ่ง มีขั้นตอน และมีหลักการ ศิษย์จะซึมซับบุคลิกเหล่านั้นไปด้วย
.
นี่คือการเรียนรู้หลักของนักบินมือใหม่
.
ครูบินให้ดู แล้วนักเรียนบินตาม
.
สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่การเลียนแบบ
.
แต่มันคือ “ใครเป็นแบบอย่าง”
.
ครูที่สอนคนให้ไปเป็นครูอีกทีเคยว่าไว้
.
“คุณไม่ได้สอนแค่ด้วยการสาธิต แต่คุณสอนด้วยการเป็นตัวอย่าง”
<You don’t just teach by showing. You teach by being.>
….
สรุป
.
คนที่เรียนรู้เร็วกว่า คือคนที่เข้าใจว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่แบบเดียว
.
– บางคนชอบเรียนจากแบบฝึกหัด
– บางคนเรียนจากความล้มเหลว
– บางคนเรียนจากคนอื่น
– บางคนเรียนจากความเงียบภายในตัวเอง
.
ไม่มีวิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุด
.
มีแต่ “วิธีที่เหมาะกับเรา” ที่สุดต่างหาก
.
ฉะนั้น
.
บทเรียนไม่ได้มีแค่ในห้องเรียน
.
บทเรียนอาจอยู่ในเที่ยวบินแรกที่เราไม่มั่นใจในการสื่อสารและพูดผิดไปแถมยังเกือบทำให้เกิด Conflict ในการพูดและตัดสินใจไปแบบนั้น
.
หรือในวันที่ครูพูดเบาๆ ว่า “ลงดีมาก”
.
ถ้าเราเปิดใจ…
.
เราจะเรียนรู้จากทุกอย่างได้
.
แม้แต่จากความผิดพลาดของตัวเอง
.
“การบินไม่ให้อภัยความหลงตัวเอง แต่มอบรางวัลให้กับผู้ถ่อมตนและเรียนรู้อยู่เสมอ”
<Aviation doesn’t forgive arrogance. But it rewards humility and reflection.>
.
ทุกคนเรียนรู้ได้ถ้าเข้าใจ ‘วิธีที่ตัวเองเรียนรู้’
.
รูปแบบทั้ง 4 นี้เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายสถานการณ์ และไม่มีแบบไหนดีที่สุด
.
แต่ถ้าเรารู้จักวิธีการเรียนรู้ของตัวเอง เราจะพัฒนาตัวเราได้เร็วขึ้น
.
และ ‘ไม่ติดอยู่กับวิธีที่ไม่เวิร์กอีกต่อไป’
.
อยากเป็นนักบินที่เก่งขึ้น ต้องเป็นผู้เรียนที่เก่งขึ้นก่อน
<To be a better pilot, be a better learner first.>
.
บทส่งท้าย
.
นักบินที่เก่ง ไม่ใช่คนที่ ‘รู้เยอะที่สุด’
.
แต่คือคนที่ เรียนรู้ได้ตลอดเวลา น้ำไม่เต็มแก้ว
.
และการเรียนรู้แบบนี้
.
ไม่จำกัดไว้แค่บนฟ้า
.
แต่มันพาเราให้ ‘ใช้ชีวิต’ ได้ดีขึ้นบนดินด้วย
…..
ความหมายตัวย่อและคำต่างๆ
.
– R/T ย่อมาจาก Radio Telephony Call หมายถึงการติดต่อสื่อสารทางวิทยุระหว่างนักบินกับ ATC
– Crosswind Correction คือการคำนวณเพื่อปรับหัวเครื่องบินให้หันเข้าหาลมในองศาที่เหมาะสมเพื่อชดเชยแรงลมที่พัดเข้ามา ทำให้เรายังสามารถบินเกาะตามเส้นทางต่อไปได้อย่างแม่นยำ
– Scan Instrument คือ การกวาดสายตามองเครื่องวัดภายในเครื่องบินอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว อ่านค่าได้ แปลผลได้ เพื่อคอนโทรลเครื่องให้บินได้ตามท่าทางที่ต้องการ
.

.
อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇
https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL