Skip to content

วิลเลียม อาเทอร์ วอร์ด นักเขียนสร้างแรงบันดาลใจชาวอเมริกันเคยกล่าวไว้ว่า

“The pessimist complains about the wind; the optimist expects it to change; the realist adjusts the sails.”
<คนมองโลกในแง่ร้ายมักบ่นเรื่องลม คนมองโลกในแง่ดี..รอลมเปลี่ยนทิศ ส่วนคนมองโลกตามความเป็นจริง เขาเลือกปรับใบเรือ>
.
ประโยคนี้แบ่งคนออกได้เป็นสามกลุ่ม
.
คนกลุ่มที่ 1 – The pessimist (มองโลกในแง่ร้าย)
.
กลุ่มนี้มองอะไรแย่ไปหมด ลมมาก็บ่น ฝนมาก็โอดครวญ หิมะตกก็ส่ายหัว เข้าตำราพวก Fixed Mindset หรือคนที่มีกรอบความคิดจำกัด กลุ่มนี้แยกความจริงออกจากความเชื่อส่วนตัวยาก สังคมไหนมีคนกลุ่มนี้เยอะ ก็แย่หน่อย เพราะจะกลายเป็นสังคมที่อุดมไปด้วยเสียงบ่นและข้ออ้าง แทนที่จะลงมือแก้ไข ดิ้นรนพัฒนา กลับไปโทษฟ้า โทษอากาศ โทษคน และวนเวียนอยู่กับปัญหาเดิมๆไม่ไปไหน
.
คนกลุ่มที่ 2 – The optimist (มองโลกในแง่ดี)
.
พวกเขามักยิ้มในวันที่พายุร้ายพัดกระหน่ำซ้ำเข้ามา พลิกแพลงเรื่องร้ายๆ ด้วยทัศนคติเชิงบวก ถามว่าดีไหม มันก็ดี แต่มีจุดด้อยอยู่ตรงที่ว่า บางครั้งเฝ้ารอแต่ความหวัง ตั้งจิตอธิษฐานไปเรื่อย หากพบปัญหาแล้วรีรอ ไม่ลงมือสู้กับมัน ก็อาจกลายเป็นพวกชอบเพ้อฝันภาวนา เฝ้ารอลมอันไร้ทิศทางนั้นเปลี่ยนแปลง โลกสวยนั้นอยู่ยากหากปราศจากการดิ้นรน
.
คนกลุ่มที่ 3 – The realist (มองโลกตามความเป็นจริง)
.
กลุ่มคนที่ไม่โทษลม ไม่รอลมเปลี่ยนทิศ แต่เลือกที่จะปรับใบเรือด้วยตัวเอง กลุ่มนี้คือพวก Growth Mindset (มีกรอบความคิดเติบโต) ยอมรับความจริง เข้าใจอุปสรรค รู้จักพลิกแพลงประยุกต์เอาความพ่ายแพ้มาเป็นบันได ใช้เป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาตัวตนต่อไปเรื่อยๆ ไม่ติดกับดักแห่งอารมณ์ ไม่ฝันลมๆแล้งๆ เลือกที่จะ ‘ลงมือทำ’ และพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ
….
จะว่าไป ชีวิตก็เหมือนเรือลำเล็กในทะเล เราไม่อาจควบคุมทิศทางลม แต่เราปรับใบเรือเองได้ และถ้าเรายืนอยู่บนเรือลำเล็กๆ ยามแดดสาดแสงร้อนจัดลงมาบนเรือ ถ้าเรายืน เราจะเลือกยืนหยัดแบบไหนระหว่างยืนหันหลังให้แสง หรือเผชิญหน้าสู้แสงนั้น
.
มีสุภาษิตหนึ่งของชนเผ่าเมารี (กลุ่มคนพื้นเมืองบนหมู่เกาะนิวซีแลนด์) เขาสอนลูกหลานต่อๆกันมาว่า
.
“Turn your face to the sun and the shadows fall behind you.”
<จงเผชิญหน้าสู้ดวงอาทิตย์ เพราะเงาอันมืดมิดจะทอดกายอยู่ด้านหลังคุณ>
.
ในที่นี้ .. แสงตะวันที่ร้อนแรงจัดอาจเปรียบได้กับความจริงอันโหดร้าย ความอยุติธรรมที่รุกคืบเข้ามาสู่ชีวิตเราอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งเราหลบ แสงนั้นจะยิ่งได้ใจ และหากเราหันหลังให้มัน เงามืดมิดจะอยู่เบื้องหน้าเราไปตลอดกาล
.
เมื่อเงาคือความท้อแท้สิ้นหวังไร้พลัง แล้วเมื่อไหร่ เราจะรุกคืบกลับไปได้สักที .. ไม่หันหน้าสู้แสง จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร
.
การใช้ชีวิตจึงต้องเลือกที่จะเป็นเช่นปลาที่ว่ายทวนกระแสน้ำ เป็นคนที่กล้ายืนหยัดท้าแสง ให้เงามืดนั้นทอดกายไว้ข้างหลัง แล้วก็เดินมันต่อไปเรื่อยๆ
.
บนโลกที่โหดร้ายใบนี้ ยิ่งใครเกิดมาอยู่บนเรือลำกระจิริด ไม่มีใครคอยเกื้อหนุน ไร้เสบียง ไร้ต้นทุน ยิ่งต้องปรับใบเรือเองให้เก่ง เผชิญหน้าสู้แดดที่แสนจะอำมหิตนั้นไปทุกเมื่อเชื่อวัน เอาให้มันด้านชาจนเคยชิน
.
เมื่อนั้น..เรือจึงจะยืนหยัดท่ามกลางพายุร้ายได้อย่างมั่นคง
.
ชีวิตก็เฉกเช่นนี้เอง
.
.

อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇

https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *