Skip to content

การจัดการภาระงานของนักบิน (Workload Management)

หนึ่งใน 9 สมรรถนะนักบินที่มักไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็น สิ่งที่เราเรียกกันว่า “การจัดการภาระงาน”
.
ความหมายตามตำราหมายถึง การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อจัดลำดับความสำคัญและดำเนินภารกิจให้เสร็จสิ้นทันเวลาในสถานการณ์นั้นๆ
บนอากาศ นักบินไม่ได้บังคับเครื่องเพียงอย่างเดียว มันมีมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริหารเวลา การจัดลำดับสถานการณ์ตรงหน้า การใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่ในห้องเล็กๆแคบๆบนท้องฟ้าที่ไม่เคยเหมือนเดิมสักวัน รวมไปถึงการบริหารจัดการกับทีมงานทั้งในเครื่องและนอกเครื่อง
.
นี่คือหนึ่งในทักษะที่ไม่ง่าย มันต้องถูกเพาะบ่ม ป้อนโจทย์ใหม่ๆเข้าไปบ่อยๆเพื่อให้นักบินได้ฝึกใช้สมองในการประมวลผลให้ไว แล้วจัดการภาระงานที่ซับซ้อนได้อย่างมืออาชีพ
.
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับวิชาปัจจัยมนุษย์หรือ Human Factor ที่ว่า คนไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำอะไรหลายอย่างพร้อมๆกัน หรือที่เราเรียกกันว่า Mutitasking โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการความถูกต้องและแม่นยำแบบชนิดที่เรียกว่า “พลาดไม่ได้เด็ดขาด”
.
แล้วจะทำอย่างไร หากมีอะไรประเดประดังเข้ามาตรงหน้าในเวลาแทบจะพร้อมๆกัน สันชาตญาณต่อไปนี้คือสิ่งที่ต้องปลุกมันขึ้นมาให้ได้สำหรับนักบินทุกคน
.
1. Maintains Self-Control (ควบคุมตนเองให้ได้)
.
เชื่อได้เลยว่าหากใครได้ลองมาใช้สมองบนท้องฟ้า ขีดความสามารถไม่เท่าตอนอยู่บนพื้นแน่ๆ และยิ่งถ้ามือต้องจับคันบังคับด้วยแล้ว สมองลดลงไปได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณออกซิเจนที่น้อย ความเครียด ความกดดัน ความกดอากาศที่ต่ำ ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อเรื่องของการควบคุมตนเองทั้งสิ้น ดั่งนั้น ‘สติ’ จึงสำคัญมาก ยิ่งควบคุมตนเองได้ดีเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น เรื่องนี้ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ การเตรียมตัว ความรู้ที่สั่งสม และการฝึกจิตให้มั่นคงอย่างเนืองนิจ
.
2. Plan, Prioritise, and Schedule Tasks Effectively (การวางแผน จัดลำดับเป็น จัดการงานอย่างมีประสิทธิภาพ)
.
นักบินมักใช้เทคนิคที่เรียกว่า ‘Event Cycle’ เป็นวิธีที่ใช้สำหรับการวางแผนตามลำดับเหตุการณ์ ในแต่ละเฟสบนอากาศ สามารถแบ่งขั้นแบ่งตอนได้หลายแบบมาก ขึ้นอยู่กับภารกิจการบิน แต่โดยหลักแล้ว เราจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงได้แก่ ช่วงก่อนเหตุการณ์ ช่วงระหว่างเหตุการณ์ และช่วงหลังเหตุการณ์ ตัวอย่างการใช้เทคนิคนี้เช่น วางแผนทำเช็กลิสต์ Before Landing Check ก่อนถึงจุด IF (Initial Approach Fix) และทำ Final Check หลังจุด FAF (Final Approach Fix)
เรื่องนี้เป็นเรื่องของการจัดลำดับความสำคัญด้วย รู้ว่าอะไรสำคัญก่อนและหลัง จำแนกสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างแม่นยำ แล้วเลือกหยิบขั้นตอนสำคัญเอาออกมาใช้อย่างถูกต้องตามจังหวะเวลา
.
3. Manages Time Efficiently (การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ)
.
ลองคิดดูว่า สายการบินที่ต้องจัดการเวลาในการเปลี่ยนเที่ยวบินให้รวดเร็วภายในกำหนดเวลา แถมยังต้องปลอดภัยและมีประสิทธิภาพด้วย มันต้องทำงานภายใต้ภาระงานและความกดดันขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดเครื่อง เติมน้ำมัน โหลดสัมภาระ เรื่องนี้คือเรื่องของ ‘Turnaround Time’ หนึ่งในกุญแจสำคัญของการบริหารเที่ยวบิน
.
อีกกรณีหนึ่งที่แจ่มชัดมากๆคือ ภารกิจขึ้นบินฉุกเฉินของนักบินเฮลิคอปเตอร์เมื่อได้รับการร้องขอให้ไปรับผู้ป่วย เช่น นักบินกำลังนอน Standby อยู่ในห้องที่แองก้า แล้วมีโทรศัพท์จาก Dispatcher บอกว่ามีผู้ป่วยที่แท่นขุดเจาะกลางทะเล พวกเราแทบจะรีบเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง แล้วไปจัดแจงอุปกรณ์ เตรียมแผนบิน แบ่งบทบาทหน้าที่กันระหว่างกัปตันและผู้ช่วยนักบิน พร้อมขึ้นภายในเวลาที่กำหนดตามมาตรฐาน เช่น ควรวิ่งขึ้นได้ภายใน 30 นาทีนับจากได้รับการแจ้งเป็นต้น
.
4. Offers and Accepts Assistance – Delegate and Ask for Help Early (แบ่งบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจน)
.
ถ้าเป็นเที่ยวบินแบบ Multi Crew (ใช้นักบินมากกว่า 1 คน) แบบนี้โดยทั่วไปนักบินจะรู้กันว่าใครทำอะไร มีการแบ่งบทบาทที่ชัดเจนมาก แต่หากเป็นการบินแบบคนเดียวหรือ Single pilot เราจำเป็นต้องคิดเยอะหน่อย
.
รู้จักใช้ทรัพยากรที่มีบนเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพ คิดล่วงหน้า วางแผนรอบด้าน และสามารถขอคำแนะนำจาก ATC ได้เสมอไม่ว่าจะเป็นให้เจ้าหน้าที่ช่วยแจ้งเตือนอะไรก็ตามที่เราไม่แน่ใจ การขอสภาพอากาศที่อัปเดต การขอคำแนะนำในการเปลี่ยนเส้นทาง การระแวดระวัง Traffic ที่อยู่ในห้วงอากาศเดียวกันกับเรา
.
5. Manages and Recovers from Interruptions, Distractions, Variations, and Failures (จัดการสิ่งที่เข้ามาก่อกวน รวมถึงเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์)
.
ไม่มีทางที่งานบนฟ้าจะราบเรียบตลอดเวลา หัวข้อนี้แยกได้ 4 ประเด็นหลักคือ 1) สิ่งรบกวน 2) ความวอกแวก 3) ผิดแผน และ 4) มีสิ่งขัดข้องเกิดขึ้น
สมมติขณะทำเช็กลิสต์บางอย่างอยู่บนฟ้าแล้ว ATC เรียกวิทยุมาหาเรา จะทำยังไง อาจใช้เทคนิค “Stop – Think – Act – Review” เพราะมันขึ้นอยู่กับหน้างานจริง ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น นักบินจะต้องลำดับความสำคัญได้ว่าควรทำอะไรก่อนหลัง จะตอบ ATC ก่อนแล้วค่อยทำเช็กลิสต์ หรือต้องรีบทำเช็กลิสต์ก่อนค่อยตอบ ATC
.
บางเฟสของการบินที่ต้องการสมาธิสูง เช่นขณะนำเครื่องร่อนลงจอด แล้วเกิดลูกเรือชวนคุย หรือผู้ช่วยนักบินเริ่มชวนคุยมากเกินไป แบบนี้ต้องใช้กฎ ‘Sterile Cockpit’ เข้ามาจับ
.
แต่ถ้าหากเป็นกรณีผิดแผนหรือมีบางสิ่งขัดข้องเกิดขึ้นขณะบิน นักบินก็จะทำตามขั้นตอนที่ถูกฝึกมา ซึ่งเรื่องนี้คือหนึ่งในทักษะที่นักบินได้รับการฝึกอย่างเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าในสถานการณ์จริงกับการฝึกมันต่างกันตรงที่ความกดดัน ดังนั้นเรื่องนี้จึงย้อนกลับไปที่ข้อ 1 อีกครั้ง นั่นคือเรื่องของการควบคุมตนเอง (Maintains Self-Control)
.
6. Review, Monitor, and Cross-Check Actions Conscientiously (การรีวิว มอนิเตอร์ ตรวจสอบกันและกัน)
.
วงรอบนี้ต้องทำให้เร็ว ทำเป็นประจำสม่ำเสมอ ท่องไว้ให้มั่นว่า “ไม่มีที่ว่างสำหรับความผิดพลาดบนท้องฟ้า” ขณะบินจึงต้องคอยเตือนตัวเองว่าสิ่งไหนทำแล้ว สิ่งไหนยังไม่ทำ ค่าพารามิเตอร์ต่างๆยังอยู่ในเกณฑ์ไหม และกรณีทำการบินกัน 2 คน ก็ต้องหมั่น Cross-Check ในบทบาทของกันและกันด้วย
เทคนิคมีเยอะ เช่น เรื่องมอนิเตอร์เครื่องวัดหรือค่าพารามิเตอร์ต่างๆก็ใช้การสแกนอย่างเป็นระบบ เช่น T-Scan ส่วนเรื่องการ Cross-Check ระหว่างนักบินนั้น ก็ควรฝึกใช้ Challenge – Response ให้ชิน อย่าไปคิดว่าเป็นการจับผิด มันหมดยุคสมัยของการบินแบบระบบอาวุโสไปนานแล้ว การทำงานร่วมกันในห้องนักบินนั้นต้องการการเฝ้าระวังซึ่งกันและกัน มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
.
7. Verifies That Tasks Are Completed to the Expected Outcome (ตรวจสอบงานว่าเป็นไปตามที่ต้องการไหม)
.
ในทุกๆเฟสของการบิน ตั้งแต่ตรวจเครื่องก่อนขึ้นบิน การสตาร์ตเครื่องยนต์ การวิ่งขึ้น การบินตามเส้นทาง การเตรียมลดระดับความสูง กระทั่งเครื่องร่อนลงจอดสัมผัสพื้น
.
นักบินจะถูกฝึกให้เช็กเสมอว่าทำทุกขั้นตอนถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ พูดง่ายๆคือ ไม่ใช่สักแต่ว่าทำ แต่เมื่อทำอะไรแล้วจะต้องตรวจสอบผลของมันเสมอด้วย
เช่น ความสูงเป็นไปตามที่ต้องการไหม ความเร็วใช่ไหม อัตราไต่ อัตรร่อน เป็นอย่างไร บางอย่างต้อง Double-Check ซึ่งเป็นงานละเอียด และที่สำคัญ ทุกกิจกรรมที่ทำนั้น เป็นไปด้วยความรวดเร็วและต้องแม่นยำที่สุด
….
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ อ้างอิงมาจากทฤษฎีที่อัปเดตใหม่ล่าสุด การจัดการภาระงานบนฟ้าของนักบินนั้นแฝงไปด้วยความกดดันที่หลายคนไม่รู้ เป็นหนึ่งในสมรรถนะเงียบ ไร้เสียง ถ้าไม่บรรยายอย่างละเอียด คนทั่วไปจะคิดแค่ว่านักบินใช้ทักษะแค่การบังคับเครื่องไปในอากาศเท่านั้น
.
ที่สำคัญ ทักษะเรื่องนี้ นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย โดยเฉพาะกับคนทำงานที่มีภาระงานมากล้น การจัดการกับหลายสิ่งหลายอย่างตรงหน้าจึงไม่ง่าย หลายสิ่งที่ต้องแบกในแต่ละวันมันอาจสาหัสนัก จนเรากลัวว่ามันจะพังไหม หากมีภาระมากมายที่ต้องจัดการขนาดนี้
.
แต่เชื่อเถอะว่า มันอาจไม่ใช่ภาระเหล่านั้นที่ทำให้เราพัง แต่มันเป็นเรื่องของ ‘วิธีการ’ ที่เราแบกมันมากกว่า
.
<It’s not the load that breaks you down, it’s the way you carry it. – คำพูดของ Lou Holtz อดีตโค้ชฟุตบอลและนักวิเคราะห์โทรทัศน์ชาวอเมริกัน>
เรื่องการบริหารจัดการภาระงานหรือ Workload Management นี้ ถือได้ว่าเป็นศิลปะในการแบกงานอย่างหนึ่งนั่นเอง
.
.

อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇

https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *