“25 เหรียญ ขายไหม”
.
“ขายครับ” เขาจำต้องตัดใจ นาทีนั้นมันจำเป็น
.
เขาขายสุนัขคู่ใจที่ย่ำเท้าเคียงคู่เขามากว่า 2 สัปดาห์แล้ว ค่ำไหน นอนนั่น ลำพังตัวเขาเองยังลำบากที่จะหาข้าวกินสักมื้อ กับเพื่อนรัก 4 ขาตัวนี้ ยิ่งไม่ต้องพูด
ถึง ขายมันไปดีกว่า อย่างน้อย เจ้าของใหม่ก็จะได้หาข้าวให้มันกินต่อ จังหวะนี้อย่าให้ตายกันทั้งคู่เลย แยกกันก่อน รักษาชีวิตเอาไว้
.
เมื่อเขารับเงินมา แล้วปล่อยสุนัขของเขาไปสู่อ้อมกอดของเจ้านายใหม่ น้ำตาเขาก็ไหลพรั่งพรู
.
คืนนั้นเขานอนคนเดียว จรจัด ข้างถนน ไร้บ้าน และยามนี้ไร้แม้แต่เพื่อนที่เคยเคียงกัน
.
เขาเคยเสเพล เป็นเด็กหลังห้อง ชอบการแสดง อยากเป็นดารา เขียนบทหนัง มันคือความฝัน ฝันสูงสุดของเขาคือ เขียนบทหนังและได้แสดงนำในบทที่เขาเขียนขึ้นเอง อาจเป็นเพราะโชคชะตา หรืออาจเป็นเพราะเขาเองที่ไม่เอาไหน..เขาไม่รู้
.
เดินผ่านถังขยะ ตรอกที่มืดมิด มีเพียงแสงไฟสลัวจากเสาไฟฟ้าบางต้นที่ยังติดอยู่ เห็นคนจรจัดนอนเรียงข้างทาง นาทีนี้คงไม่มีใครเข้าใจคนตกงานได้ดีเท่ากับคนที่ไร้งานเหมือนกัน
.
สองสัปดาห์หลังจากขายเพื่อนสี่ขาคู่ใจไป เขาซื้อตั๋วไปดูคนชกกัน
.
มวยคือกีฬาที่เขาโปรดปราน นาทีที่ชีวิตไร้ค่า บางครั้งจำต้องหาอะไรแก้เหงาทำ เช่นการละลายเงินที่เหลืออยู่ให้กับบางสิ่งที่ทำให้โล่งใจ สำหรับเขา..เขาเลือกไปดูมวย
.
“มูฮัมหมัด อาลี ชกกับ ชัค เวปเนอร์”
.
แน่นอนว่า อาลี คือแชมป์โลกระดับตำนาน ส่วน ชัค เวปเนอร์ เป็นเพียงนักชกโนเนม รายการนี้ไม่ต้องลุ้นว่าใครจะชนะ ทุกคนมาเพื่อดูลีลาของ มูฮัมหมัด อาลี
.
ไม่มีใครสนใจ ชัค เวปเนอร์ “โลกเรามีที่ยืนให้ตัวประกอบเพียงแค่ไม่กี่ซีนก็พอ”
.
แต่จนแล้วจนเล่า ยกที่ 1 ผ่านไป จนถึงยกที่ 9 มวยรองยังคงยืนขาแข็ง ต้านทานหมัดระดับโลกเอาไว้อย่างดิ้นรน หน้าตายับเยิน แต่ยังไม่ล้ม และดูเหมือนว่าเวปเนอร์ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ
.
ทันใดนั้น หมัดของนักชกตัวประกอบ ได้ทะลวงซี่โครงนักชกระดับโลกจนซวนเซ
.
ชายตกงานสะดุ้งพร้อมลุกขึ้นด้วยพลังงานบางอย่างและจับจ้องการชกนั้นต่อไป
.
ไม่มีใครคาดคิดว่า เวปเนอร์ จะยื้อบนเวทีได้นานถึงยกที่ 9 และนานเกินกว่านั้น ส่วนแชมป์โลกเช่น อาลี เองก็ไม่เคยรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงขนาดนี้มาก่อน เมื่อรวบรวมสติได้ แชมป์จึงต้องรีบน๊อกด้วยหมัดเด็ด ทำเอานักชกตัวประกอบล้มทรุดไปในทันที
.
จบรายการชกมวยในค่ำคืนนั้น มีบางอย่างที่หนักกว่าหมัดนั้นของอาลี ได้ทะลวงสู่ก้นบึ้งของหัวใจเขาตลอดกาล มันได้ปลุกบางสิ่งให้เขาคิดทำบางอย่าง (ลักษณะเช่นนี้เรียกว่าสภาวะการเกิดปัญญาญาณ)
.
เขารีบกลับห้องพัก หยิบสมุด แล้วจรดปากกา เขียนบทหนังเรื่องหนึ่ง
.
เขาใช้เวลา 3 วัน ในการผลิตบทหนังที่คนทั้งโลกจะจดจำไปอีกกว่า 3 ทศวรรษข้างหน้า
.
ช่วงที่สภาวะไหลลื่นของสมองอันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยบางสิ่ง ทำให้เขากลั่นกลองบทหนังอมตะเรื่องนึงขึ้นมาได้ และเมื่อเขาเขียนเสร็จ เขาได้ไปเสนอขายให้กับผู้สร้างหนังค่ายหนึ่ง ความฝันของเขาใกล้เป็นความจริงแล้ว เขาอยากแสดงนำในหนังที่เขาเขียนขึ้นเอง
.
ทันทีที่เจ้าของค่ายหนังอ่านบทหนังที่เขาเขียนจบก็พูดว่า
.
“บทหนังของคุณน่าสนใจมาก ผมขอซื้อในราคา 360,000 เหรียญ แต่ผมขอเลือกตัวนักแสดงเอง” เจ้าของค่ายหนังกล่าว คนทำหนังอยากได้บทหนังที่ดี แต่การให้นักแสดงโนเนมมาแสดงนำนั้นเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป
.
ชายผู้ตกงานขบฟันแน่น มือกำเงินในกระเป๋าที่มีเหลือก้อนสุดท้ายเพียง 106 เหรียญ และตัดสินใจอย่างไม่ลังเล
.
“ผมไม่ขาย”
.
เขาเดินหันหลังกลับ มีบางเสี้ยวขณะที่นึกเสียดายเงินหลักแสนนั้น
.
บางครั้ง คนเราต้องกล้าพอที่จะยอมอด และไม่ยอมขายความฝันของเราให้ใครง่ายๆ
.
การตัดสินใจบางอย่างนั้น ยากเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ แต่เขาคิดว่าเพื่อนสี่ขาของเขานั้นเข้าใจ
.
ไม่นานหลังจากนั้น ค่ายหนังไม่อาจทนความดื้อดึงของเขาได้ จำต้องตอบตกลงให้เขาได้แสดงนำ จุดนี้การันตีได้ว่า บทหนังที่เขาเขียนนั้นคู่ควรที่จะให้คนทั่วโลกได้จดจำ ส่วนตัวเขาใครจะจดจำไหม เขาไม่รู้ หน้าที่ต่อไปคือเดินตามความฝันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
.
“The Rocky” ผลงานของ “ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน”
.
หนังดังไม่ดังไม่รู้ รู้แต่ว่าหนังได้รับรางวัลออสการ์ถึง 3 สาขาในปี 1976 และสร้างภาคต่อมาอีกหลายภาคด้วยกันจนถึงปี 2015
.
ส่วนตัวของ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ดังไม่ดังก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าแทบทั้งโลกไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขา ทั้งในฐานะนักแสดง นักเขียนบท และผู้กำกับหนัง
.
เขาคิดถึงอดีต
.
เดินผ่านถังขยะ ตรอกที่มืดมิด มีเพียงแสงไฟสลัวจากเสาไฟฟ้าบางต้นที่ยังติดอยู่ เห็นคนจรจัดนอนเรียงข้างทาง เขารีบสืบเท้าต่อไป จากสืบเท้ากลายเป็นวิ่ง
เขาวิ่งถือเงินกลับไปหาเพื่อนยากสี่ขาที่จากกันมานาน
.
เขาซื้อมันกลับมาด้วยเงิน 15,000 เหรียญ เขากอดมัน มันก็กอดเขา อีกครั้งที่น้ำตาเขาไหลพรั่งพรู
.
เขาคิดถึงนักชกโนเนมที่ทำให้สมองของเขาเปิด นักชกตัวประกอบ คนตกงาน และเพื่อนสี่ขาของเขา
.
แรงบันดาลใจเกิดจากการได้เห็นชายคนหนึ่งที่ไร้ชื่อ ยืนหยัดต่อสู้กับนักชกระดับโลกอย่างไม่พรั่นพรึง การดื้อดึงเช่นนั้น ทำให้แชมป์โลกต้องสั่นคลอน นักชกโนเนมผู้นั้นได้ปลุกเขาให้ลุกขึ้นมาใหม่
.
หากเขายอมขายฝันตั้งแต่ข้อเสนอครั้งแรกในครั้งนั้น ชีวิตเขาคงเป็นอีกแบบ เป็นแบบที่เขาคงจะรู้สึกผิดกับตัวเองไปตลอดชีวิต
.
ชีวิตคนเราอดมื้อกินมื้อบ้างไม่ถึงกับตาย แต่ถ้าขายฝันตัวเองให้กับคนอื่นไป เท่ากับฝังตัวเองไว้ คงไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายทั้งเป็น
….
อ้างอิง
.
ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน
.
.
อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇
https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL