Skip to content

สาดสีในความมืด

แม้ร่างกายไม่เอื้ออำนวยเหมือนคนอื่น แต่บางที คนที่ไม่พร้อมกับมีแรงขับมากกว่าคนที่พร้อมหลายล้านเท่านัก
.
หลายภาพที่เขาวาด..ใช้สีสันที่จัดจ้าน ทุกภาพสัมผัสได้ถึงอารมณ์ และภาพเขาขายได้ทุกวัน
.
ตาของผู้ชายคนนี้บอดทั้งสองข้าง .. แต่เขายังคงวาดภาพ เพราะเขารักมัน
.
‘จอห์น แบรมบลิตต์’ เกิดปี ค.ศ.1971
.
ตอนเขาอายุ 2 ขวบ ระบบประสาทส่วนกลางของเขามีปัญหา คลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกติในสมองส่งผลให้เกิดอาการลมชัก
.
มันแย่ตรงที่อาการนี้ส่งผลข้างเคียงต่อการมองเห็นของเขา มันเหมือนจะเรื้อรังมาโดยตลอด กระนั้นแล้ว ตาเขายังไม่บอด เขายังได้ลิ้มรสชีวิตวัยเด็กและวัยรุ่น ภายใต้สีสันของโลกใบนี้ และเขาชื่นชอบงานศิลปะ เขาอยากเป็นจิตรกร
.
แต่แล้วด้วยวัยเพียง 30 ปี ช่วงเวลาที่ควรจะเริ่มต้นทำในสิ่งที่รักอย่างจริงจัง ช่วงวัยฉกรรจ์ เปี่ยมด้วยพลัง เหมือนไฟที่ลุกโชน กับถูกความมืดเข้าบดบังอย่างถาวร
.
เขาตาบอด เขามองไม่เห็นอีกแล้ว
.
ชีวิตจมดิ่งในทันที เขายอมรับว่า มันเหมือนจุดต่ำสุดในชีวิต
.
ในช่วงชีวิตคนเรา หลายคนเคยผ่านจุดที่ตกต่ำ จุดที่เรียกว่า low point บางคนอาจดิ่งหนักจนถึงจุด rock bottom หรือก้นเหว มันยากตรงที่ต้องยอมรับ และยากกว่าที่จะลุกขึ้นมาใหม่ .. สำหรับคนธรรมดาว่ายากแล้ว แต่กับผู้ที่สูญเสียดวงตาไปอย่างเขา มันทรมานมากกว่าเป็นล้านเท่า
.
(กับคนที่ไม่เคยผ่าน มันอาจน่ากลัวกว่าก็ได้ เพราะยังขาดประสบการณ์ตายแล้วฟื้น ขาดวัคซีนความล้มเหลว บางทีชีวิตควรมีภูมิต้านทานโรคตกต่ำ จะได้เจ็บไม่นาน)
.
ในความมืด เมื่อเขาอยู่ในความเงียบ เขาเริ่มคิดใคร่ครวญ คิดถึงสิ่งที่เขารักคือการวาดภาพ เมื่อคิดถึงแล้วใจเป็นสุข เขาเริ่มเป็นอิสระจากปัญหา และพลันเกิดปัญญา
.
(ตรงกับทฤษฎีสภาวะที่ทำให้เกิดปัญญา 4 อย่าง ได้แก่ ความเงียบ การไม่ยึดติดกับปัญหา การมีความสุขเล็กๆ และมีความคิดใคร่ครวญ)
.
เขาจำสูตรการผสมสีได้ แม้ตาจะบอดแต่เขายังสัมผัสได้ เขาเริ่มสัมผัสสีด้วยมือของเขาเอง เริ่มจดจำสีต่างๆด้วยเนื้อสัมผัส
.
ใหม่ๆก็ใช้อักษรเบรลล์ติดข้างหลอดสี ภายหลังเพียงสัมผัสเนื้อสีก็รู้ได้ว่าคือสีอะไร เขาผสมสีตามสูตร และวาดมัน
.
‘ที่เหลือคือใช้ใจสัมผัส’ เขามองเห็นภาพด้วยใจโดยไม่ต้องพึ่ง ‘รูปายตนะ’ (อายตนะภายนอกคือภาพ) อีกต่อไปแล้ว
.
จอห์น บอกว่า “การผสมสีมันมีสูตรของมัน ไม่ต่างอะไรกับการอบเค้ก”
.
ถ้าความมืดคือปัญหา สำหรับเขา ‘ตาบอดไม่ใช่อุปสรรค มันคือเครื่องมือถาวร ที่เอาไว้ใช้จัดการกับปัญหาต่างหาก’
.
หากมองโลกแบบคนตาบอดเช่นเขา ก็คงกล่าวได้ว่า ‘โลกนี้ไม่มีปัญหา มีแต่ความท้าทาย’
.
เปลี่ยนคำว่าปัญหา เป็นความท้าทาย .. แม้ในความมืดก็อาจพบแสงสว่างได้ อยู่ที่เริ่มเปิดใจ และไม่หยุดเดิน..
.
….
.
อ้างอิง : ความรู้เรื่อง ‘ทฤษฎีสภาวะที่ทำให้เกิดปัญญา’ จากหนังสือ ‘หัวใจแห่งการโค้ช’ ,
.
ประวัติจอห์น แบรมบลิตต์ จาก https://bramblitt.com/
.
จอห์น แบรมบลิตต์ เป็นจิตรกรตาบอด ชาวอเมริกัน เขาเป็นจิตรกรตาบอดคนแรกของโลก ที่มีผลงานภาพฝาผนังในนิวยอร์กและดัลลาส สไตล์ภาพของเขามีความเป็นเอกลักษณ์ของการใช้สีสันที่สดใส แบบอิมเพรสชันนิสม์ บวกความทันสมัยของศิลปะแนวป๊อบอาร์ต
.
.

อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇

https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *