Skip to content

มรดกเตี่ย

2 ปีก่อน ที่ ร.5 จะเสด็จมาเปิดโรงเรียนนายเรือ เมื่อปี 2449 (118 ปีมาแล้ว) ยุคนั้นการจัดการศึกษาของโรงเรียนนายเรือยังบกพร่องอยู่มาก องค์ความรู้ไม่แน่น นักเรียนทุกชั้นรวมกันมี 122 คน
.
ระบบการบริหารจัดการยังล้าหลัง ผลผลิตที่ได้มา ยังไม่ตอบโจทย์ประเทศเท่าไรนัก กล่าวคือ นายทหารเรือยุคนั้นเมื่อจบมาแล้ว มีความรู้ระดับต้นหน อ่านและใช้แผนที่เป็น แต่เดินเรือเองไม่ได้
.
ร.5 จึงทรงแต่งตั้งให้เสด็จเตี่ย (สมัยนั้นยศนายพลเรือตรี พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตอุดมศักดิ์) เข้ามาช่วยวางหลักสูตรของโรงเรียนใหม่ รื้อระบบ เก็บขยะใต้พรม สะสางอย่างจริงจริง
.
เผอิญว่าใช้ถูกคน ลูกชายคนนี้คือ ‘ของจริง’ เมื่อได้รับงานก็จัดเต็ม เข้าทางว่า “จะทำสิ่งไร ควรทำให้จริง”
.
เสด็จเตี่ยทำหลายอย่างมาก สวมทุกบทบาท ณ เวลานั้น
.
ห้วงยามนั้น คีย์แมนหลักที่เริ่มเพาะปลูกรากฐานของการทหารเรือมีเพียงหยิบมือ น่าจะนับรายคนได้
.
หนึ่งคนต้องสวมหมวกหลายใบ นายทหารเป็นได้ตั้งแต่ภารโรง คนสวน เสมียน ครู ยันผู้บริหาร ..
.
ยามวิกฤต หนึ่งคนหลายหน้าที่ เป็นเรื่องธรรมดา .. เรื่องธรรมดาบางเรื่องในอดีตกลับกลายเป็นเรื่องเกี่ยงงาน เกี่ยงงอน แบ่งแยก แตกรัง.. ดังในปัจจุบันก็มักได้ยินกันบ่อยๆเวลาเกี่ยงงานกันด้วยคำว่า ‘ธุระไม่ใช่’
.
สมัยนั้นนายทหารทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นครู ทุกคนต้องทำงานด้วยความเสียสละ มันคือคาถาแรกขององค์กรยามวิกฤต .. ไม่มีใครเกี่ยงงาน !!
และมรดกแรกที่เตี่ยทิ้งไว้ให้ก็คือ ‘ความเสียสละ’ นั่นเอง
.
.
การฝึกนักเรียนในสมัยนั้น เข้มข้น จริงจัง มีบางท่านกล่าวไว้ว่า
.
“..ไปฝึกอ่าวสัตหีบ เกาะคราม นักเรียนตัดไม้สร้างสะพานให้ยื่นลงไปในทะเลให้เรือใหญ่เข้าเทียบได้ .. ต้องตัดไม้มาปักในทะเล ระหว่างฝึกมีนักเรียนป่วยหลายนาย มีที่ถึงแก่กรรมถึง 7 คน .. ผู้ที่อ่อนแอหรือหวาดกลัวก็ไม่กล้าที่จะเรียนอยู่ ได้ลาออกไป .. ผู้ที่เรียนสำเร็จได้ออกเป็นนายทหารยังปรากฎว่าฝ่ามือด้านด้วยการจับกรรเชียง และจับปืน….”
.
นี่แสดงได้แจ่มแจ้งว่า การฝึกในอดีตเพื่อลูกหลานในอนาคตนั้น แลกมาด้วยเลือดจริงๆ
.
และนี่คือมรดกชิ้นที่สองที่เตี่ยมอบให้ลูกน้ำเค็ม มรดกที่ชื่อว่า “ความอดทนและความทุ่มเท”
.
.
ทุกครั้งก่อนนักเรียนนายเรือจะออกผจญคลื่นลมกลางมหาสมุทร เราจะยืนแถวสักการะเสด็จเตี่ยที่หน้าศาล ทุกคนจะร้องเพลงถวาย 3 เพลงด้วยกัน ประกอบไปด้วยเพลงราชนาวี เพลงดอกประดู่ และเพลงเดินหน้า (เพลงพระนิพนธ์ของเสด็จเตี่ยคือ เพลงดอกประดู่ และเพลงเดินหน้า)
.
หากจับเนื้อเพลงแต่ละท่อนมาคิดตามอย่างละเมียด จะพบว่าทุกเพลงสื่อนัยสำคัญบางอย่างที่เตี่ยมอบไว้ให้
.
บางท่อนบางตอนของเพลงดอกประดู่ที่ว่า “พวกเราทุกลํา จําเช่นดอกประดู่ วันไหนวันดี บานคลี่พร้อมอยู่ วันไหนร่วงโรย ดอกโปรยตกพรู ทหารเรือเราจงดู ตายเป็นหมู่เพื่อชาติไทย”
.
ท่อนนี้เตี่ยเปรียบเปรยว่า ทหารเรือเน้นความสามัคคีเป็นที่ตั้ง .. หากจะบานก็บานพร้อมกัน หรือหากจะโรยก็พร้อมที่จะโรยไปด้วยกัน ..
.
กุศโลบายเพื่อคอยย้ำเตือนพี่น้องทหารเรือให้มั่นคงและสามัคคีกันไว้ เมื่อใดมีผู้แตกแถว เมื่อนั้นความฉิบหายจะมาเยือน
.
ส่วนเพลงเดินหน้า บางประโยคว่าไว้ “อนาคตเราไม่รู้ ถึงเราไม่รู้ ก็ต้องเดินไป จะกลัวไปใย มันก็ล่วงไปตามเวลา”
.
ท่อนนี้บอกให้รู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา ก็ขอให้เดินหน้าต่อไป อย่าได้ไปกลัวอนาคตมัน
.
สรุปจากเพลงที่เตี่ยมอบให้ มันคือมรดกที่ชื่อว่า “จงเดินหน้า และ สามัคคี”
….
2 ปี หลังจากที่เสด็จเตี่ยได้ “ เสียสละ / อดทน / ทุ่มเท / ปลูกฝังความสามัคคี และ ไม่เคยหยุดเดิน” นั้น พระองค์ก็ทรงทำสำเร็จ หลังจากนั้นทหารเรือไทยเราก็เดินเรือเองเป็น ไม่ต้องจ้างฝรั่งอีกต่อไป
.
เวลาบ่าย 4 โมง วันที่ 20 พฤศจิกายน 2449 เรือพระที่นั่งชลยุทธ แล่นตัดข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจากท่าราชวรดิฐ เข้าเทียบท่าโรงเรียนนายเรือ ครั้นเพลง “สรรเสริญพระบารมี” สิ้นเสียงลง ผู้บัญชาการกรมทหารเรือในขณะนั้นกราบทูลถวายรายงานเปิดโรงเรียนนายเรือ
.
ร.5 ทรงชักเชือกเปิดธงที่ปิดประตูโรงเรียนออก มีตัวอักษรสีทองติดที่ซุ้มประตูว่า “โรงเรียนนายเรือ ร.ศ.125”
.
ในพิธีวันนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงลงพระปรมาภิไธยและพระราชหัตถเลขาในสมุดเยี่ยมว่า
.
“เรา จุฬาลงกรณ์ ปร ได้มาเปิดโรงเรียนนี้ มีความปลื้มใจที่ได้เหนการทหารเรือมีรากหยั่งลงแล้ว จะเปนที่มั่นสืบไปในภายน่า”
.
118 ปีมาแล้ว ที่การทหารเรือได้หยั่งรากลง ด้วยมรดกของเตี่ยที่มอบให้นั้น มันตอกย้ำให้เหล่าลูกน้ำเค็มได้ตระหนักอยู่เสมอ อย่างน้อยจะคิดจะทำอะไร ก็ขอให้นึกถึงเลือดของบรรพบุรุษที่เสียสละมาสักนิด
.
ให้สมกับที่ปฏิญาณมาตั้งแต่เด็กว่า “ข้าพระพุทธเจ้าจักรักษามรดกของพระองค์ท่านไว้ด้วยเลือด” และ “ข้าพระพุทธเจ้าจักรักษาระบบเกียรติศักดิ์และเกียรติของนักเรียนนายเรือไว้ด้วยชีวิต”
.
อนึ่ง..มรดกที่เตี่ยมอบไว้ให้นั้น สามารถปรับใช้ได้ทุกองค์กร มันคือคาถาชั้นดี ที่เหมาะมากในห้วงยามวิกฤต ..
.
เสียสละ อดทน ทุ่มเท สามัคคี (ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน) และ ที่สำคัญ
.
<..ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น..ก็ขออย่าได้หยุดเดินก็แล้วกัน ..>
.
ภาพโดย DigitalDDay จาก Pixabay

ส่งความเห็นที่ Kiley2887 ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *