Skip to content

Resilience – ทักษะที่นักบินต้องมีในวันที่โลกไม่เป็นใจ

  • by
นี่คือเรื่องของ ทักษะความยืดหยุ่น การพลิกฟื้นจากสภาวะชะงักงันบนฟ้าให้ไว เพื่อให้อยู่รอดในวินาทีที่ไม่มีใครคาดคิด
.
ในวันที่ระบบทำงานผิดพลาด
.
ในวันที่ autopilot ไม่ตอบสนอง
.
ในวันที่โลกไม่ได้ถามว่า “เราพร้อมไหมกับเรื่องเซอร์ไพรส์บนอากาศ”
.
.. นั่นคือวันที่ ‘Resilience’ ตอบโจทย์
.
คำถามคือ แล้ว Resilience คืออะไร ?
.
Resilience ไม่ใช่แค่ความอดทน
.
แต่มันคือ “ความสามารถในการฟื้นตัวได้เร็ว”
.
คือทักษะที่ทำให้เราไม่ล้มตามสถานการณ์
.
และลุกขึ้นมาควบคุมเกม .. แม้มันจะเริ่มต้นจากความตื่นตระหนกตกใจ
.
EASA ให้คำนิยามว่า
.
“Resilience คือความสามารถของนักบินในการรับรู้ ดูดซับ และปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลง”
.
พูดให้ง่ายก็คือ
.
Resilience = ความสามารถ + ความมั่นใจ
<Competence + Confidence>
.
เปรียบดังสองเสาหลัก เป็นรากฐานของการบินที่มั่นคงในวันที่มีสิ่งคุกคามเข้าจู่โจมเราโดยไม่ทันตั้งตัว
.
ศัตรูของ Resilience มีอยู่ 2 อย่างคือ
.
1. Startle Effect – ความตกใจจนชะงัก
.
ระบบประสาทหยุดนิ่งชั่วขณะเมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
สมองจะใช้เวลาในการ “ทำความเข้าใจ” กับสิ่งที่เกิดขึ้น
และนั่นคือจังหวะที่ความผิดพลาดแฝงตัว เร้นกายเข้ามาจู่โจมสมองเรา
.
2. Routine – ความคุ้นชินที่ค่อยๆด้านชา
.
การทำสิ่งเดิมซ้ำๆ อาจฝึกฝนความแม่นยำชำนาญ ทว่ามันอาจลดความสามารถในการปรับตัว
เมื่อสมองถูกปรับให้ตอบสนองแบบ “อัตโนมัติ” มากขึ้นเรื่อยๆ
พอมีเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้น สมองจะ “ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน”
ทักษะ Resilience ไม่ได้มีไว้แค่สำหรับเหตุฉุกเฉิน
.
มีกรณีศึกษาในอดีต เช่นเรื่องการลงจอดด้วยการควบคุมเครื่องภายหลังไฮดรอลิกเสียหายทั้งสามระบบของเครื่อง A300 ในปี ค.ศ.2003 ถือเป็นกรณีตัวอย่างระดับตำนาน (อ่านเรื่องราวเสริมได้ท้ายบทความ)
.
แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งเดียวที่ Resilience รับมือได้
.
– การได้รับคำสั่งเปลี่ยนแผนบินกะทันหัน
– การเจอสภาพอากาศที่ผิดไปจากที่คาดไว้
– หรือแม้แต่การถูก interrupt กลาง briefing
.
ทั้งหมดทั้งมวลล้วนคือ ‘disruptions’ ที่ต้องใช้ Resilience ทุกครั้ง
.
แล้วจะฝึกให้เกิด Resilience ได้อย่างไร
.
โลกยุคใหม่คือยุคของ CBTA (Competency-Based Training) และ เน้นเรื่อง EBT (Evidence-Based Training)
.
Competency-Based Training – ฝึกทักษะแบบใหม่ สำหรับโลกของการบินที่เปลี่ยนไป
.
เดิมทีเราฝึกแบบ Task-Based คือ
.
– การฝึกแยกสถานการณ์ เป็นบทๆไป
– การฝึกตอบสนองแบบจำลองที่ถูกเช็ตเอาไว้
– การฝึกแบบมีคำตอบตายตัว
.
แต่วันนี้ เรากำลังก้าวเข้าสู่ Competency-Based Training (CBTA) มันคือการ
.
– ฝึกตาม “พฤติกรรม” ที่แสดงทักษะ
– ใช้ KSA (Knowledge, Skill, Attitude)
– ฝึกให้นักบินพร้อมรับมือกับ “สถานการณ์ที่ไม่คาดคิด” ไม่ใช่เพียงแค่ “สถานการณ์จำลอง”
.
เป้าหมายคือ
“อย่าฝึกเพื่อจำให้ได้ แต่จงฝึกเพื่อพลิกเกมให้เป็น”
.
EBT (Evidence-Based Training) – ฝึกจากของจริง ไม่ใช่เพียงแค่ใน simulator
IATA และ ICAO พัฒนา EBT จากข้อมูลจริง
จาก Flight Data, LOSA, Safety Reports
.
เพื่อออกแบบการฝึกที่ตรงจุด เมื่อนักบินเจอเหตุการณ์จริงแล้วไม่ตื่นตระหนก
.
EBT ช่วยให้นักบินรู้ว่า
.
– ตัวเองรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ระดับไหน
– พฤติกรรมใดที่ควรเสริม
– และสำคัญที่สุด “จุดแข็งของเรา” อยู่ตรงไหน
.
ต่อไปนี้คือเทคนิคการฝึก Resilience ที่ใช้ได้จริง
.
1. ฝึกด้วยความหลากหลาย ไม่ใช่ซ้ำๆแบบเดิม
.
Engine fail, turbulence, wake vortex, automation disconnect
ยิ่งฝึกหลากหลาย ยิ่งหาแนวทางรอดได้หลายทาง
.
2. ปรับระดับความยากตามศักยภาพนักบิน
.
อย่าฝึกทุกคนเหมือนกัน
พยายามให้จบด้วยสถานการณ์ที่ “เขาจัดการได้” เพื่อเสริมความมั่นใจ (เป็นเทคนิคทางจิตวิทยา)
.
3. ใช้ Debrief อย่างทรงพลัง
.
การสรุปหลังฝึก ควรเน้น “จุดที่ทำได้ดี”
อย่าเพิ่งโฟกัสแค่จุดอ่อน
Resilience เติบโตได้เมื่อได้รับกำลังใจ ไม่ใช่คำตำหนิ
.
4. ใช้ Facilitation ไม่ใช่การสั่งสอน
.
ให้ผู้เรียนสะท้อนตัวเองก่อน แล้วผู้สอนค่อยเติมเต็มสิ่งที่พวกเขาขาด
นักบินจะเรียนรู้ลึกยิ่งขึ้น เมื่อเขา “พูดสิ่งที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง”
นักบินที่มีทักษะ Resilience ไม่ได้หมายถึง “เก่งเสมอ” แต่หมายถึง “กลับมาได้เสมอ”
.
Resilience ไม่ใช่การไม่พลาด
.
แต่คือการ “พลาดแล้วพยุงตัวเองได้”
.
การบินที่ปลอดภัยไม่ใช่การควบคุมทุกอย่างได้ 100%
.
แต่คือ .. การมีแผนสำรอง แผนฉุกเฉิน และทัศนคติที่ไม่พังไปตามเหตุการณ์
.
สุดท้ายนี้มี 10 ข้อคิดสำหรับการฝึก Resilience มาฝาก ที่ใช้ได้ทั้งในห้องนักบินและชีวิตจริง
.
1. ถ้าตกใจ ให้หยุดหายใจเข้าออกสักแป๊บ แล้วค่อยคิด
2. อย่าใช้ความเคยชินตัดสินเหตุการณ์ใหม่
3. เชื่อเสมอว่า สถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ไม่ได้แปลว่ารับมือไม่ได้
4. ทักษะคือกล้ามเนื้อ ต้องฝึกให้หลากหลาย ไม่ใช่แค่ฝึกบ่อยซ้ำๆแต่กับเรื่องเดิมๆ
5. ความมั่นใจไม่ได้มาจากความสมบูรณ์แบบ แต่มาจากการเรียนรู้หลังล้มแล้วรีบลุกให้ไว
6. คำถามที่ดีที่สุดในวันที่เกิดเหตุ คือ “เราควบคุมอะไรได้ ณ ตอนนี้”
7. การสอนที่ดีที่สุด คือการฟังนักบินสะท้อนตัวเอง
8. ความเข้าใจตัวเองคือพื้นฐานของ Resilience
9. การบรีฟหลังบินที่ดีไม่ใช่การวิจารณ์เพียงอย่างเดียว แต่คือการชี้ทางกลับให้ด้วย
10. ในวันที่ทุกอย่างผิดพลาด Resilience อาจเป็นสิ่งเดียวที่ยังคงอยู่กับเรา
….
จะว่าไป ทักษะด้าน Resilience นี้ นักกีฬาระดับโลกล้วนมีเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นในสนามเทนนิส, สนามบอล, หรือเวทีโอลิมปิก
.
นักกีฬาที่เคยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกตีเสมอ ถูกวิจารณ์ หรือบาดเจ็บหนัก
.
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขากลับมายืนอยู่บนโพเดียมได้ คือ ‘Resilience’ มันไม่ใช่เพียงแค่พรสวรรค์
.
– ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) เคยพลาดการชู้ตในช็อตตัดสินมามากกว่า 26 ครั้ง
– เซรีนา วิลเลียมส์ (Serena Williams) เคยโดนนำในเซตสุดท้าย แต่ยังคัมแบ็คกลับมาชนะ
– ลิโอเนล เมสซี (Lionel Messi) พลาดจุดโทษสำคัญในโคปาอเมริกา แต่กลับมาเป็นแชมป์โลกในภายหลัง
.
‘Resilience’ จึงไม่ใช่เรื่องของใครเก่งกว่าใคร
.
แต่คือ “ใครกลับมาได้บ่อยกว่ากัน” ในวันที่โลกไม่เป็นใจ
.
และนั่นคือเหตุผลเดียวกันกับที่เรา ..
.
ฝึกนักบินให้ยืดหยุ่น
.
ไม่ใช่เพื่อไม่ให้ผิดพลาด
.
แต่เพื่อให้
.
“พลาดแล้วต้องกลับมาใหม่ได้อย่างมั่นคง”
.
💡เกร็ดความรู้ – ปาฏิหาริย์เหนือกรุงแบกแดด เมื่อ A300 ลงจอดโดยไม่มีระบบไฮดรอลิก
.
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2003 เครื่องบินขนส่ง Airbus A300B4-203F ของ DHL ถูกยิงด้วยขีปนาวุธ Strela-3 (SA-14) ขณะบินออกจากสนามบินแบกแดด ขีปนาวุธพุ่งชนปีกซ้าย ทำให้เกิดไฟไหม้และสูญเสียระบบไฮดรอลิกทั้งสามระบบ ซึ่งหมายความว่านักบินไม่สามารถควบคุมอุปกรณ์หลักของเครื่องบินได้เลย
.
ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนสิ้นหวัง ลูกเรือสามคน ได้แก่ กัปตัน เอริก (Eric Gennotte)
ผู้ช่วยนักบิน สตีฟ (Steeve Michielsen)
วิศวกรการบิน มาริโอ (Mario Rofail) ใช้แรงขับของเครื่องยนต์ในการควบคุมทิศทางและความสูงของเครื่องบิน พวกเขาเรียนรู้วิธีการคอนโทรลเครื่องโดยการปรับแรงขับของเครื่องยนต์ทั้งสองข้าง เพื่อให้สามารถหมุนและเปลี่ยนระดับความสูงได้
.
หลังจากบินวนอยู่ประมาณ 10 นาที พวกเขาสามารถนำเครื่องกลับมาลงจอดที่สนามบินแบกแดดได้โดยปลอดภัย แม้จะไม่มีระบบควบคุมการบินเหมือนปกติ แต่การลงจอดครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดในประวัติศาสตร์การบิน และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวของนักบินเมื่อเผชิญกับสถานการณ์วิกฤต
.
เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการฝึกฝนเพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่น (Resilience) ในหมู่นักบิน เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและรักษาความปลอดภัยของเที่ยวบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
.

อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇

https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *