Skip to content

‘Passion’ กับ ‘I pass on’

พาสชั่น (Passion) ในบริบทของการทำงาน หมายถึงความพอใจ ความลุ่มหลงคลั่งไคล้ในสิ่งนั้นๆ สิ่งที่เราคิดว่ามัน ‘ใช่’ สำหรับเรา หลายคนบอกให้ค้นหางานโดยเริ่มต้นด้วยคำว่า ‘Passion’
.
ส่วนความหมายของคำว่า ‘งาน’ ก็นิยามได้อีกหลายระดับชั้น
.
ถ้าตีความแค่ว่า “อะไรก็ได้ที่ทำแล้วได้เงิน” นั่นคือ ‘Job’
.
ถ้าได้เงินแล้วเติบโต ก้าวหน้า ได้พัฒนาตัวเองด้วย จาก Job จะกลายเป็น ‘Career’
.
ถ้าได้เงิน ได้ก้าวหน้า แล้วตกผลึกว่า “เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้” จาก Career จะกลายเป็น ‘Calling’
.
แต่ไม่ใช่ทุกคนบนโลกที่จะได้ทำงานแบบที่เรียกว่า ‘Calling’ ไม่ใช่แค่หลุ่มหลง พอใจ ทำแล้วมีความสุข แล้วนั่นจะคืองานที่ ‘ใช่’ เสมอไป
.
หากคิดแค่ว่ามี Passion แล้วกระโจนเข้าหางานที่คิดว่าคลั่งไคล้ ผ่านไปสักพักเจออุปสรรคหรือสารพัดขวากหนาม แล้วเปลี่ยนใจว่า มันไม่น่าจะใช่งานสำหรับเราแล้ว และตัดสินใจกระโจนสู่หนทางอื่นต่อไป .. ผ่านไปสักพักก็โดดเปลี่ยนสายงานใหม่อีก .. คนแบบนี้จะตามหา ‘Passion’ ไปทั้งชีวิต
.
ไม่ใช่ทุกงานจะทำได้ด้วยเพราะใจรักเสมอไป แต่มันต้อง ‘อึด’ และ ‘แกร่ง” ด้วย เพราะทุกงานมีหนามโปรยขวางหน้าเสมอ
.
ในอีกบางมุมของบางคน งานของพวกเขาไม่ได้เริ่มต้นที่ ‘Passion’
.
หลายคนไม่ได้อยากเป็นหมอตั้งแต่ต้น แค่บังเอิญสอบได้หรือสอบตามเพื่อน สอบตามพ่อแม่บอก หลายคนไม่ได้อยากเป็นทหารแต่เพราะดันสอบติดโรงเรียนนายร้อย ชีวิตก็ไหลไปตามเส้นทางนั้น
.
อีกหลายคนไม่ได้อยากเป็นดารา ศิลปิน หรือนักแสดง เคยได้ยินพิธีกรบางคนบอกว่า รู้ตัวว่าเป็นพวก Introvert (ไม่ชอบออกสังคม) แต่สุดท้ายต้องมาเป็นพิธีกร .. แถมเป็นพิธีกรที่ดังซะด้วย
.
คนเหล่านั้น .. ดันทำอาชีพที่ไม่ได้เริ่มต้นจาก ‘Passion’ ได้ดีเยี่ยม .. เคยสงสัยไหมว่าเพราะอะไร
.
เพราะว่า ‘Passion’ มันไม่ใช่สมการเดียวของการเลือกและทำงาน มันมีอีกหลายองค์ประกอบ คนเราเลือกเกิดไม่ได้ โอกาสของแต่ละคนที่เข้ามามันไม่เหมือนกัน
.
บางคนจำเป็นต้องใช้ ‘เงิน’ มากกว่า ‘Passion’ .. แล้วไง? .. ถ้างานนั้นได้เงิน ทำๆไปแล้วเติบโต พอเก็บประสบการณ์ ทักษะในงานนั้นจนชำนาญ เขาคือคนที่เกิดมาเพื่อสิ่งนั้นใช่หรือไม่
.
และหากถามพวกเขาเหล่านั้น อาจได้คำตอบว่า “ใช่ ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ นี่คือ Calling ของผม”
.
ทั้งๆที่ไม่ได้ชอบมาตั้งแต่แรก แต่พอได้ทำไป จนสิ่งที่ทำกลายเป็นสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ชอบมันกลายเป็นสิ่งที่ใช่ .. ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้
.
แล้วเมื่อไปแกะคำว่า ‘Passion’ ของคนประเภทนี้จะพบว่า พวกเขาเลือกสลับตำแหน่งของตัวอักษรใหม่ โดยดึงตัว ‘I’ ออกมาไว้หน้าสุด จากคำว่า ‘Passion’ จะกลายเป็น “I pass on”
.
ในที่นี้หมายถึง “จงก้าวต่อไป”
.
ถ้าเป็นคนประเภท หนักก็เอา เบาก็สู้ ต่อให้ได้งานที่มันยังไม่ใช่ ‘Passion’ สุดท้ายคนพวกนี้ก็จะผ่านได้ในทุกบททดสอบ เพราะพวกเขา ‘แกร่ง’ แล้วเดี๋ยว ‘Passion’ มันก็มาเอง
.
ฉะนั้น
.
“ไอ พาส ออน” นี่แหละ คือตัวขับ Passion ในตัวให้ออกมา เพราะโลกความจริงของชีวิตแต่ละคนอาจไม่ได้เดินบนหนทางที่ชอบเสมอไป จะหางานที่คิดว่า “เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้” แต่ถ้างานนั้นทำแล้วไม่ได้เงิน หรือได้ไม่พอใช้ ไม่ตอบโจทย์ชีวิต ถามว่า .. แล้วจะทำไหม?
.
โลกไม่ได้สวยงามตามทฤษฎีเสมอไป ไอที่บอกว่าให้เลือกงานที่เรารัก เมื่อทำแล้วจะเพลิน และเหมือนไม่ได้ทำงาน ตำราเขาว่าไว้งั้น แต่ความเป็นจริงก็อีกเรื่อง
แม้ได้งานที่เรารัก แต่ระหว่างทางย่อมเจอหนามรายทางมากมายเสมอ
.
เพราะคำว่า ‘Passion’ อย่างเดียวนั้นไม่พอ มันต้อง ‘I pass on’ ในทุกบททดสอบให้ได้ด้วย
.
สรุปว่า หากได้งานที่ชอบ ทำๆไป สักพักก็ต้องใช้ปรัชญา ‘I pass on’ ช่วยผลักดันชีวิตให้ก้าวต่อไป
.
แต่หากชีวิตมันไม่มีโอกาสได้ทำงานที่ชอบ ยังไงก็ต้องใช้คำว่า ‘I pass on’ ด้วยอยู่ดี และ ‘ระหว่างทาง’ ที่เดินบนถนนที่มันไม่ใช่ เราค่อยๆเก็บเกี่ยวทักษะในสิ่งที่เราชอบไปเรื่อยๆ จนกว่า ‘โอกาส’ ที่จะกระโจนสู่งานที่เราคลั่งไคล้นั้นมันมาถึง
.
งาน คือ อะไรที่ทำแล้วต้องได้เงิน เติบโต และเติมเต็ม Passion ..
.
ซึ่งบางครั้ง Passion มันก็ไม่ได้งอกขึ้นมาก่อน แต่มันตามมาทีหลัง กว่าคนเราจะพบ Calling ในชีวิตได้ ช้าเร็วไม่เท่ากัน และมันไม่สำคัญมากไปกว่า “I pass on” ในทุกบททดสอบที่ถาโถมเข้ามา
.
โลกนี้มีที่ว่างมากพอให้กับคนพันธุ์แกร่งเสมอ
…..
ภาพด้านล่างโดย Shad0wfall จาก Pixabay
.
.

อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇

https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *