เรื่องนี้ถอดมาจากตำรา KSA (Knowledge Skill Attitude) ของนักบิน มันน่าเหลือเชื่อตรงที่ ศาสตร์ด้านการทำงานบนท้องฟ้าถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ และเริ่มเข้าใกล้ความเป็นพุทธ (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) เข้าไปทุกที
.
Feedback คือการให้ทั้งคำติ คำชม คำแนะนำ ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ นักบินที่ดีจะต้องสามารถเป็นทั้งผู้ให้ฟีดแบ็กและผู้รับฟีดแบ็กที่ดีได้ พร้อมรับสิ่งที่สะท้อนกลับมาจากกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้น เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับหลักทางพุทธในด้านการฝึกเปิดใจ ไร้อคติ ลดตัวตนออกไป เพื่อฝึกเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างบริสุทธิ์ใจ
.
ฟีดแบ็กถือเป็นติ่งย่อยของสมรรถนะด้านภาวะผู้นำและการทำงานเป็นทีมของวิชาชีพนักบิน ในโลกของการบิน ทุกเที่ยวบินย่อมเริ่มต้นด้วยการบรีฟก่อนบิน (Briefing) และปิดจบด้วยการดีบรีฟ (Debriefing) เสมอ
.
ฟีดแบ็กในที่นี้จึงมักอยู่ในช่วงของการดีบรีฟ ไม่เฉพาะนักบินฝึกหัดที่กำลังฝึกบินอยู่กับครูการบินเท่านั้น แต่หมายรวมถึงทีมงานที่พาเครื่องขึ้นไปบินบนท้องฟ้า เมื่อบินเสร็จ ก็มักมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันสำหรับเที่ยวบินนั้นๆ ซึ่งบางครั้งมันอาจไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบของการให้ฟีดแบ็กอย่างเป็นทางการก็ได้ บางทีเกิดขึ้นในวงกินข้าว บนโต๊ะกาแฟ หรือขณะเดินลากกระเป๋ากลับบ้าน
.
การให้และรับฟังฟีดแบ็กนั้น ถือเป็นสุดยอดทักษะที่สำคัญในทุกสาขาอาชีพ หลักสำคัญของการให้ฟีดแบ็กอย่างสร้างสรรค์ซึ่งถูกเขียนไว้ในตำราสอนนักบินมีดังต่อไปนี้
.
1. เช็กเจตนาของตัวเองก่อนให้ฟีดแบ็กใคร (Check your mind)
.
สิ่งแรกก่อนที่จะเริ่มฟีดแบ็ก ต้องเคลียร์ใจตัวเองให้ว่างก่อน ทำใจให้เป็นกลาง เช่น ครูสอนบินในอากาศเสร็จ พอบินลงมา ก่อนจะให้ฟีดแบ็กลูกศิษย์ ให้สูดหายใจลึกๆสักทีสองที วางอุเบกขา ตั้งวัตถุประสงค์ของการให้ฟีดแบ็กนั้น ว่าคือการ ‘ให้’ เพื่อช่วย ‘พัฒนา’ ไม่ใช่ให้เพียงเพื่อชี้จุดบกพร่องหรือเพียงแค่ทำให้ตนเองดูเหนือกว่า พึงคิดเสมอว่า “ฟีดแบ็กไม่ใช่อาวุธ .. แต่มันคือเครื่องมือ”
.
2. ควรให้ฟีดแบ็กทันที (Be Timely)
.
ฟีดแบ็กจะมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อให้หลังเสร็จสิ้นภารกิจ เข้าตำราว่า “เหล็กต้องตีตอนร้อน” เพราะหากปล่อยทิ้งนานไป ความเกี่ยวข้องต่างๆรวมถึงผลกระทบจะค่อยๆจางลง ประสิทธิภาพของฟีดแบ็กจะไม่สดใหม่ ผลที่จะนำไปปรับปรุงพัฒนาอาจถูกลดทอนลง
.
3. เตรียมตัวให้ดี (Prepare Before Speaking)
.
เตรียมเรื่องฟีดแบ็กเอาไว้ก่อน แล้วคิดก่อนพูด เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปอย่างสร้างสรรค์
.
4. ระบุประเด็นให้ชัดเจน (Be Specific)
.
หลีกเลี่ยงคำวิจารณ์แบบกว้างๆ เช่นถ้าภาพรวมคือเรื่องการติดต่อสื่อสาร แล้วพูดหว่านไปแค่ว่า “น้องต้องปรับปรุงเรื่องการสื่อสารนะ” แบบนี้มันกว้างไป
ควรตีกรอบให้ชัดเจนขึ้นว่าตรงไหน เช่น “ระหว่างการลงจอด พี่ไม่แน่ใจว่าน้องตั้งใจจะทำอะไร พี่เห็นว่าการบรีฟก่อนร่อนลงจอดยังไม่ค่อยชัดเจน ครั้งหน้าเรามาเน้นเรื่องการบรีฟให้ละเอียดกว่านี้ดีไหม”
.
5. ชมในที่แจ้ง ติในที่ลับ (Praise in Public, Criticize in Private)
.
พึงระลึกไว้เสมอว่าการให้ฟีดแบ็ก ต้องไม่ทำให้ใครเสียหน้า ส่วนการชมต่อหน้าคนอื่นจะยิ่งช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้แก่กัน
.
6. ใช้ ‘ฉัน’ ให้มากกว่าคำว่า ‘คุณ’ เพื่อลดความขัดแย้ง (Use ‘I’ Statements)
.
เป็นหลักจิตวิทยาของการสนทนา เป็นการลดความกดดันในการตั้งรับของอีกฝ่าย ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า “คุณไม่ได้ทำเช็กลิสต์ก่อนร่อนลงจอด” อาจพูดได้อีกอย่างว่า “ผมไม่แน่ใจว่าการทำเช็กลิสต์ก่อนร่อนลงจอดครบถ้วนหรือไม่”
ให้ตัวเราเป็นผู้รับภาระของประโยคที่พูดออกไป จะยิ่งก่อให้เกิดความสร้างสรรค์สำหรับการติชม
.
7. จำกัดจำนวนประเด็นที่พูดถึง (Limit Your Scope)
.
พยายามจับประเด็นหลักๆให้ได้ โดยเลือกสัก 1-2 ประเด็น การให้ฟีดแบ็กที่มากไป อาจกลายเป็นการตำหนิ ส่งผลให้คู่สนทนาเกิดความท้อแท้ ประมาณว่า อย่าไปใส่เยอะ เอาแค่จุดสำคัญๆก็พอ
.
8. ใช้เทคนิค ‘แซนวิชฟีดแบ็ก’ (Feedback Sandwich) ประกอบไปด้วย
.
– เริ่มต้นด้วยข้อดี
– พูดถึงจุดที่ต้องปรับปรุง
– จบด้วยคำชม
เทคนิคนี้ กลุ่มครูการบิน นักบินผู้ตรวจสอบหรือพวกเช็กเกอร์จะได้เรียนรู้กัน มันคือจิตวิทยาของการติ ซึ่งเราควรเปิดด้วยข้อดีก่อน ตามด้วยจุดบกพร่องของเขา แล้วปิดท้ายด้วยคำชมเสมอ
.
9. ให้คำแนะนำที่สร้างสรรค์ (Provide Constructive Solutions)
.
ควรให้คำแนะนำหลังจากให้ฟีดแบ็กแล้วทุกครั้ง ที่สำคัญ คำแนะนำนั้นต้องชัดเจนและสามารถนำไปใช้ได้จริง
.
10. เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายแสดงความคิดเห็น (Invite Feedback in Return)
.
เมื่อจบการฟีดแบ็ก จะต้องเปิดโอกาสให้คู่สนทนาแสดงความคิดเห็นกลับมาด้วย ไม่ควรเป็นผู้สื่อสารทางเดียว เป็นแบ่งปันมุมมองซึ่งกันและกัน
เรื่องนี้คือเรื่องของการรับฟัง เพื่อให้ได้รู้ว่า คู่สนทนานั้นรู้สึกอย่างไร
เหนือกว่าการให้ฟีดแบ็กก็คือการรับรู้ถึงความรู้สึกของฝ่ายถูกฟีดแบ็ก ตรงกับคำที่ว่า
“อัตตานัง อุปมัง กเร” <จงเอาตัวเราเองเป็นอุปมา ว่าเราจะรู้สึกเช่นไรเมื่อได้รับคำติชมแบบเดียวกันนั้น>
.
….
.
เมื่อให้ฟีดแบ็กเป็นอย่างมืออาชีพได้แล้ว ก็จำเป็นต้องฝึกรับฟีดแบ็กให้เป็นด้วย ฝึกเปิดใจให้เป็น ยอมรับอย่างไร้อคติให้ได้ ในทุกๆภารกิจเมื่อเสร็จสิ้นแล้ว พึงหมั่นขอฟีดแบ็กจากทีมงานเสมอ จดบันทึกประจำวันและเรียนรู้ทั้งฟีดแบ็กที่เป็นทั้งคำชมและคำติ
.
สรุปแล้ว ฟีดแบ็กเป็นเหมือนเครื่องมือแห่งการเติบโต เครื่องมือแห่งการลดอัตตา ไม่ใช่เฉพาะในห้องนักบินเท่านั้น ในห้องประชุม เวทีสัมมนา หรือกับวงการอื่นๆ ฟีดแบ็กจัดเป็นเครื่องมือชั้นยอดในการพัฒนาคน
.
แต่จะได้ผลก็ต่อเมื่อฟีดแบ็กนั้นเป็นทั้งการ ‘ให้’ และ ‘รับ’ อย่างสร้างสรรค์เท่านั้น
ฟีดแบ็กควรทำอย่างตรงไปตรงมา มีศิลปะในการพูดและใช้มันอย่างมืออาชีพ
Ken Blanchard ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาภาวะผู้นำระดับโลกเคยบอกไว้ว่า
.
“Feedback is the breakfast of champions.”
<ฟีดแบ็กคืออาหารเช้าของแชมป์เปี้ยน>
.

.
อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇
https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL