Skip to content

8 วิธีฝึกนักบินให้มี Empathy

(Empathy คือหนึ่งในพฤติกรรมที่จำเป็นสำหรับเรื่องภาวะผู้นำและการทำงานเป็นทีม)
.
หนึ่งในสมรรถนะที่นักบินต้องมีคือเรื่องของภาวะผู้นำและการทำงานเป็นทีม (Leadership and Teamwork) และหนึ่งในองค์ประกอบของสมรรถนะด้านนี้ก็คือเรื่องของ Empathy
.
เนื้อหาของบทความนี้แกะมาจากตำราบริสโตที่ใช้สอนนักบินทั่วโลก ย่อยมาให้อ่านง่ายแทบจะกลืนแล้วดื่มน้ำตามได้เลย สาระสำคัญมีดังนี้
.
Empathy คือความเห็นอกเห็นใจ แต่ไม่ใช่ความสงสาร มันคือศิลปะของการเข้าไปนั่งอยู่ในความคิด อารมณ์ และความรู้สึกของคู่สนทนาหรือคนที่เรากำลังทำงานอยู่ด้วยกัน
.
งานด้านการบินคืองานที่ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมในทุกๆกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นกัปตันนั่งบินอยู่กับผู้ช่วยนักบินในห้องนักบิน บินไปแล้วต้องคุยต้องติดต่อกับ ATC หรือการทำงานกับลูกเรือบนเครื่อง หรือแม้กระทั่งการทำงานร่วมกันกับช่างอากาศยานบนพื้นก่อนขึ้นบิน และอีกหลากหลายตำแหน่งที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ด้วย
.
ดังนั้นหากนักบินมี Empathy จะสามารถสร้างบรรยากาศบนฟ้า สานสัมพันธ์กับทีม นำพาเที่ยวบินให้บรรลุภารกิจภายใต้การตัดสินใจที่ไร้อคติได้ .. นี่คือเรื่องยาก แต่ใช่ว่าจะฝึกกันไม่ได้
.
ตำราได้แนะนำ 8 วิธีสำหรับการฝึกให้เรามี Empathy ไว้ดังนี้
.
1. Step out of Your Comfort Zone (ออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง)
.
การฝึกเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย สถานการณ์ที่มีความกดดันสูง หรือบางกิจกรรมที่ไม่ได้ทำมานาน สามารถช่วยให้ตระหนักถึงความรู้สึกของผู้อื่นเมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายเช่นนั้น
.
ตัวอย่าง : ครูสอน Simulator ป้อนโจทย์สุดหินให้ผู้ฝึก ใส่ Emergency ซ้อนกันเยอะ ใส่สภาพอากาศที่กดดันสุดๆ จนบางครั้งก็ลืมไปว่า ตัวเองมาบินเองอาจจะไม่รอด แทบกระอักเลือดเหมือนกัน บางครั้งก่อนป้อนโจทย์ยากๆอะไรลงไป ก็ลองทำเองดูก่อนบ้าง ออกจากที่นั่งเซฟโซนข้างหลัง มาทำเองให้ผู้ฝึกเห็น หรือแอบทำก่อนก็ได้จะได้รู้ว่าผู้ฝึกจะรู้สึกอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับโจทย์ที่เราออกแบบนั้น
.
หรือกรณีนักบินบางคนอาจยึดติดกับการบินตามเส้นทางบินเดิมๆ กับเครื่องเดิมๆ แบบนี้ต้องหาทางออกจาก Comfort Zone ของตัวเองบ้าง เผื่อไปทำงานร่วมกับทีมอื่นๆจะได้เข้าใจกันและกันมากขึ้น
.
2. Seek Honest Feedback (ขอความเห็นจากผู้อื่น)
.
คนเรามักไม่รู้จักตัวเอง ลืมมองย้อนกลับ ไม่มีกระจกส่องตัวตน การถามหาความเห็นจากผู้อื่นว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง
ตัวอย่างเช่น : กัปตันอาจถามลูกเรือหลังเที่ยวบินว่า “ผมควรปรับปรุงการสื่อสารหรือภาวะผู้นำของผมอย่างไรบ้าง?” เมื่อโปรยคำถามเช่นนี้ไป จะยิ่งทำให้ทีมรู้สึกไว้วางใจกันมากขึ้น รู้สึกเข้าถึงกันมากขึ้นไปอีก
.
3. Read Beyond Aviation Manuals (หัดอ่านหนังสือที่หลากหลายกว่าคู่มือการบิน)
.
พูดตรงๆก็คือ “ไปอ่านนิยายซะ” อ่านหนังสือแนว Fiction บ้าง งานวิจัยระบุว่าการอ่านวรรณกรรมประเภทเรื่องเล่า เรื่องเกี่ยวกับอารมณ์และความสัมพันธ์ระหว่างคน สามารถช่วยพัฒนาความสามารถด้าน Empathy ได้ เพิ่มพูนทักษะการรับรู้ทางสังคมและอารมณ์ที่ดีขึ้น
.
4. Walk in Others’ Shoes (ลองสวมรองเท้าคนอื่นดูบ้าง)
.
คำนี้คือสำนวน หมายถึงให้หัดมองโลกจากมุมมองของคนอื่นบ้าง อย่าคาดเดาความรู้สึกของผู้อื่น แต่จงฉลาดที่จะตั้งคำถาม เพื่อเจาะให้ได้ว่าหากเรามีประสบการณ์แบบเขาบ้าง เราจะรู้สึกอย่างไร เราจะตัดสินใจอย่างไร
.
ตัวอย่าง : กัปตันที่มีประสบการณ์บินเชิงพาณิชย์มาทั้งชีวิตต้องไปบินร่วมกับนักบินผู้ช่วยคนใหม่ ซึ่งมีพื้นเพการทำงานมาจากนักบินทหาร ระหว่างบินอาจชวนคุยตั้งคำถาม เพื่อให้ได้รู้พื้นเพของเขาบ้าง เพราะธรรมชาติการทำงานบนฟ้าของสองวัฒนธรรม (ทหารและพลเรือน) อาจมีหลายอย่างที่ต่างกัน
คำถามจะช่วยสร้างความเข้าใจและความเคารพซึ่งกันและกัน
.
5. Get to know the People around You (เรียนรู้เรื่องราวของคนรอบๆเราบ้าง)
.
ชวนคุย เปิดใจ มีเทคนิคชวนคุยอยู่ 3 เรื่อง ที่เมื่อไหร่ยิงคำถาม 3 คำถามนี้ไป รับรองว่าคำตอบที่ได้มานั้นจะทำให้เราเข้าใจคู่สนทนาอย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว
คำถามนั้นคือ 1) Hero – ใครคือฮีโร่ที่สุดในชีวิตคุณ 2) Hardship – อะไรที่ยากและท้าทายที่สุดในชีวิตที่คุณเคยประสบและฝ่าฟันมันมาได้ 3) Highlight – ช่วงเวลาใดในชีวิตคุณที่คุณภูมิใจมากที่สุด ถือเป็นช่วงไฮไลท์ของชีวิต
.
เทคนิคนี้เรียกว่าเทคนิคชวนคุย 3 H (Hero, Hardship, Highlight) เป็นเทคนิคที่ใช้กันแพร่หลายสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างทีมระดับมืออาชีพ
.
6. Recognize Your Biases (ตระหนักถึงอคติของตัวเอง)
.
ทุกคนมีอคติทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว เรื่องนี้ต้องเปิดใจกับตัวเองให้ได้ก่อน หมั่นทบทวนความคิดของตัวเองอยู่บ่อยๆ การยอมรับอคติของตนเองคือประตูที่สามารถเปิดใจไปสู่โลกกว้างได้ คนที่มีอคติเยอะมักชอบคาดหวังที่จะให้คนอื่นเข้าใจตัวเองก่อน แล้วลืมที่จะคิดถึงการเข้าใจผู้อื่น
สำหรับนักบินอาวุโส ลองสังเกตมุมมองของเด็กเจนใหม่ๆดู จะพบอะไรนอกกรอบที่น่าทึ่งอีกเยอะ
ส่วนนักบินเด็กๆ ก็เช่นกัน ต้องหมั่นเรียนรู้มุมมองของผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน
จากนั้นก็ใคร่ครวญ หมั่นชั่งน้ำหนักความคิดของเราอย่างเนืองนิจ อคติก็จะค่อยๆจางลง
.
7. Cultivate Curiosity (อยากรู้อยากเห็นบ้าง)
.
ความอยากรู้อยากเห็นช่วยให้เข้าใจผู้อื่นได้ดีขึ้น สร้างความคุ้นเคยด้วยการชวนคุยเรื่องส่วนตัวบ้าง เช่น นักบินที่ทำงานกับลูกเรือที่มาจากหลากหลายประเทศ อาจถามถึงวัฒนธรรมการเป็นผู้นำในประเทศของพวกเขา ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการทำงานร่วมกัน
ข้อควรระวัง : การอยากรู้อยากเห็นต้องตีกรอบแต่พอดี ไม่มากจนเกินไป
.
8. Active Listening (ฟังเชิงลึกเป็น)
.
ฟังเชิงลึกไม่ใช่แค่สักแต่ได้ยินและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเดียว หากแต่ซึมซับได้ถึงความรู้สึก แค่สบตากันก็เข้าใจกัน มันต้องฝึกให้ได้ถึงระดับนี้ เรื่องเทคนิคการฟังเชิงลึกถือเป็นศาสตร์เฉพาะ อยู่ในหมวดหมู่ของวิชาการโค้ชคน .. เรื่องนี้ถ้า ‘ฟัง’ เป็น แค่ได้ยินสำเนียง สีหน้า ท่าทาง ก็รู้แล้วว่าผู้พูดต้องการจะสื่อสารเพื่อยิงประเด็นเรื่องอะไร
.
สรุป
.
Empathy ไม่ใช่แค่เรื่องของความสงสารเห็นใจ
.
แต่มันคือเทคนิคที่จะทำให้เราเข้าถึงผู้คน แต่ไม่ถึงขั้นอินตามไปกับเขาทุกเรื่อง เพราะผู้ที่มี Empathy จะยังคงดำรง ‘สติ’ ตลอดห้วงการสนทนาได้ตลอด กระทั่งตกผลึกความคิด อารมณ์ ความรู้สึกของคู่สนทนาได้
.
เมื่อไร้อคติ .. การตัดสินใจในการทำงานร่วมกันจึงจะเวิร์ก และเมื่อนั้นเงาของความเป็นผู้นำก็ค่อยแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
.
นักบินต้องเป็น ‘ผู้นำ’ ตลอดทุกเที่ยวบิน ฉะนั้นทักษะเรื่องผู้นำและการทำงานเป็นทีม (Leadership and Teamwork) จึงสำคัญยิ่ง และกุญแจดอกสำคัญที่จะไขไปสู่สมรรถนะด้านนี้ได้ก็คือเรื่องของ Empathy นั่นเอง
.
Stephen Covey นักคิดด้านภาวะผู้นำเคยกล่าวไว้ว่า
.
“Seek first to understand, then to be understood”
<จงพยายามเข้าใจผู้อื่นก่อน แล้วจึงคาดหวังให้ผู้อื่นเข้าใจเรา>
.
.

อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇

https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *