Skip to content

นักบินผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ

มีคำกล่าวหนึ่งบอกว่า “ตรรกะจะพาคุณจากจุด A ไปจุด B หากแต่ ‘จินตนาการ’ จะพาคุณไปทุกที่”
.
หากจะพูดถึงนักบินชาวฝรั่งเศส มีอยู่คนหนึ่งที่ห้ามลืมที่จะกล่าวถึง นักบินคนนี้มีจินตนาการที่ไร้ขอบเขต ความคิดของเขาไปไกลเกินกว่าขอบโลก เขาร่ายเรื่องราวผ่านงานเขียนที่เป็นอมตะ ติดตรึงใจผู้คนทุกช่วงวัยไปตลอดกาล ชายผู้ที่ชื่อว่า ‘อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี (Antoine de Saint-Exupery)’
เราเรียกเขาสั้นๆว่า ‘แซงเตก’
.
แซงเตก เกิด ปี ค.ศ.1900 เป็นชาวฝรั่งเศส เมื่อวัยเด็ก เขาชอบเล่นมากกว่าเรียน ชอบวาดรูป ชอบฟังนิทานจากแม่ สมองทุกส่วนเชื่อมโยง สะสมคำและบทกวีมากมายโดยไม่รู้ตัว แม้เกิดในครอบครัวที่มีฐานะดี แต่ต้องเสียพ่อตั้งแต่เล็ก กระนั้นผู้เป็นแม่ก็ไม่เคยหยุดเล่านิทานให้เขาฟังทุกวัน ในยุคนั้น คือยุคเริ่มต้นของเครื่องบิน
.
ขณะ แซงเตก อายุได้ 3 ขวบ เครื่องบินลำแรกของโลกก็ถือกำเนิดขึ้นโดยสองพี่น้องช่างซ่อมจักรยาน (สองพี่น้องไร้ต์)
.
วัย 12 ขวบ เมื่อเริ่มโตขึ้นและได้มีโอกาสนั่งเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต ความฝันก็บังเกิด ‘นักบิน’ คืออาชีพที่ใช่สำหรับเขา เพราะเมื่อได้เห็นท้องฟ้าในอีกมุมมองหนึ่ง ก้อนเมฆ และทุกพื้นที่ที่บินผ่าน มันทำให้จินตนการของเขาโลดแล่นออกไปไกลมากยิ่งขึ้น นั่นคือปฐมบทของการตัดสินใจเลือกเดินสู่เส้นทางอาชีพนักบินของเขา
.
อายุ 21 ปี เขาตัดสินใจสมัครรับใช้ชาติ เป็นทหารสังกัดกองทหารม้าเบา กองทัพบกฝรั่งเศส ที่สตราสบูร์ก ด้วยความลุ่มหลงในการบิน เขาจึงขอย้ายไปประจำการที่กองทัพอากาศฝรั่งเศส จากนั้นจึงได้มีโอกาสเข้ารับการฝึกเป็นนักบินของกองทัพอากาศที่นั่น
.
ปี ค.ศ. 1921 เขาได้บินปล่อยเดี่ยวครั้งแรก ความฝันที่เป็นจริง การได้สัมผัสอากาศข้างบนนั้น ทำให้เขามั่นใจในการบินมากขึ้น การฝึกบินดำเนินต่อไป แล้วอุปสรรคก็เข้ามาทดสอบ เขาประสบอุบัติเหตุเครื่องตกขณะฝึกบินเดี่ยว แม้เขาปลอดภัย แต่เครื่องบินเสียหายยับเยิน การฝึกบินสำหรับเขาต้องถูกระงับไปชั่วคราว ดูเหมือนเส้นทางนักบินในชีวิตของเขาจะไม่ได้ราบเรียบนัก
.
ใช่ว่าในชีวิตศิษย์การบินของทุกคนที่เลือกเดินในสายอาชีพนี้จะราบรื่น ยิ่งมีอุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้น หลายคนอาจตัดสินใจไม่ไปต่อ .. แต่มันไม่ใช่สำหรับเขา
ต่อมากองทัพอากาศได้ให้โอกาสกับเขา ในการตัดสินใจที่จะ ‘ฝึกต่อ’ หรือ ‘ถอนตัว’ แน่นอนว่า เขาตัดสินใจที่จะ ‘ไปต่อ’
.
กระทั่งฝึกบินต่อจนจบหลักสูตร และได้รับใบอนุญาตนักบินในปี ค.ศ. 1922 จากนั้นเมื่อรับใช้ชาติครบกำหนด เขาก็ได้ออกจากกองทัพในปี ค.ศ.1923 ชีวิตหลังจากนั้นคือโลกของการบินเชิงพาณิชย์
.
ในยุคแรกเริ่มแรกของวงการบิน
.
‘การบินไปรษณีย์’ คือหนึ่งในธุรกิจการบินเชิงพาณิชย์ในสมัยนั้น แซงเตก เข้าร่วมเป็นนักบินให้กับบริษัท ชาเนอราล แอโรพอสทาล (Générale Aéropostale) ในปี ค.ศ. 1926
.
บริษัทนี้บุกเบิกการบริการไปรษณีย์ทางอากาศ เชื่อมโยงฝรั่งเศสกับแอฟริกา และอเมริกาใต้
.
ในทุกห้วงยามของการบิน ในทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา เขาเขียนจดบันทึกทุกบททุกตอนเอาไว้ ผ่านการร้อยเรียงทั้งรูปแบบเรื่องเล่า เรื่องสั้น บทกวี และนิยาย นอกจากจะเป็นนักบินแล้วเขายังเป็นนักจินตนาการตัวยงอีกด้วย
.
แซงเตก ถือได้ว่าเป็นนักบินที่เกิดในยุคต้นของวิวัฒนาการของการบิน สมัยนั้นผู้ที่หลงใหลในการบินมักจะพยายามทำลายสถิติทางการบินต่างๆที่เกิดขึ้น มันคือการเอาชนะตัวเอง มันคือแรงบันดาลใจ
.
สำหรับเขาก็เฉกเช่นนักบินคนอื่นๆ
.
ครั้งหนึ่ง เขาพยายามทำลายสถิติด้านความเร็ว ด้วยการบินจากปารีสไปไซ่ง่อน (เวียดนาม) เพื่อพยายามโปรโมตเที่ยวบินที่สามาถทำเวลาได้เร็วที่สุด สำหรับเส้นทางระหว่างยุโรปและเอเซีย
.
เที่ยวบินนั้นล้มเหลว เครื่องบินมีเหตุขัดข้อง เครื่องตกลงกลางทะเลทรายสะฮารา ประเทศลิเบีย เขาและนักบินผู้ช่วยต้องรอนแรมในทะเลทราย 4 วันเต็ม ผ่านค่ำคืนที่เวิ้งว้าง รอบกายมีแค่เพียง ‘สายลม ผืนทราย และแสงดาว’
.
ในวันที่ 4 ก่อนที่ผืนทรายจะกลบร่างที่ไร้เรี่ยวแรง พวกเขาก็ได้รับการช่วยเหลือจากชาวอาหรับเผ่าเบดูอินที่เดินทางผ่านมา
.
แซงเตก ออกมาเป็นนักบินพาณิชย์ได้ราว 14 ปี กระทั่งปี ค.ศ. 1940 เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ห้วงยามแห่งสงคราม (สงครามโลกครั้งที่ 2) การถูกเรียกตัวเพื่อรับใช้ชาติในฐานะนักบินจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สำหรับเขามันคือหน้าที่อันทรงเกียรติที่ยิ่งใหญ่มาก
.
เยอรมันบุกฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1940 ภารกิจในฐานะนักบินของเขาคือการบินลาดตระเวนเหนือสนามรบในแดนข้าศึก ความขัดแย้งของมนุษย์ทำลายโลกอย่างย่อยยับ ขณะบินลาดตระเวน สิ่งที่เขาเห็นมีแต่ซากและควันหลงจากการทำลายล้าง ในที่สุดฝรั่งเศสได้พ่ายแพ้ต่อเยอรมัน และเขาต้องย้ายไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นั่นเขาได้เขียนหนังสือที่มีชื่อเสียงหลายเล่ม เช่น เรื่อง ‘Flight to Arras’ และ ‘The Little Prince’
.
ค.ศ. 1943 เขากลับฝรั่งเศสเพื่อไปรับใช้ชาติอีกครั้ง บินเหนือน่านฟ้าฝรั่งเศสและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อรวบรวบข้อมูล ตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของข้าศึก
.
เช้าวันที่ 31 ก.ค. 1944 เขาได้บินขึ้นจากฐานทัพอากาศที่เกาะคอร์ซิกา (Corsica) ภารกิจลาดตระเวนบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ขณะขับนกเหล็ก (Lockheed P-38 Lighting) กวาดสายตาหาข้อมูลข้าศึกเหมือนเช่นเคย
.
วันนั้นเขาไม่ได้กลับฐานที่ตั้งตามเวลาที่ควรจะเป็น มันคือวันสุดท้าย วันที่เขาและเครื่องบินสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน บางทีเขาอาจจะหายไปกับ “สายลม ผืนทราย หรือไม่ก็ดวงดาว”
.
ตลอดช่วงชีวิตที่เขาเป็นนักบิน เขาจดบันทึก เขียนหนังสือไว้มากมาย ต่อไปนี้คือบางผลงานอันโด่งดังของเขา
.
1. Southern Mail หรือ Courrier sud (ไปรษณีย์ใต้) – เป็นนิยายที่บอกเล่าเรื่องราว ประสบการณ์ในการเป็นนักบินไปรษณีย์ เส้นทางบินไปรษณีย์ในยุคบุกเบิก และความท้าทายในการบินของนักบินในยุคนั้น
.
2. Night Flight (เที่ยวบินยามราตรี) – เล่าเรื่องเที่ยวบินกลางคืนที่เต็มไปด้วยอันตรายเหนือเทือกเขาแอนดีส (Andes) ในอเมริกาใต้ การตัดสินใจในสถานการณ์ที่ซับซ้อนที่นักบินต้องเผชิญ หนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัล Prix Femina และสร้างชื่อให้กับเขามาก ในฐานะบุคคลสำคัญสำหรับงานเขียนเชิงวรรณกรรม
.
3. Wind, Sand and Stars (ชื่อหนังสือฉบับแปลไทยใช้ชื่อว่า ‘แผ่นดินของเรา’) – บันทึกความทรงจำจากแรงบันดาลใจของอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่ทะเลทราย คละเคล้าไปกับการผจญภัยอื่นๆ งานเขียนนี้ได้รับรางวัล Grand Prix du Roman จากราชบัณฑิตยสภาฝรั่งเศส (French Academy) และได้รับรางวัล National Book Award ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เนื้อหาในหนังสือได้รับการยกย่องว่าแฝงปรัชญาและให้แง่มุมที่ลึกซึ้ง
.
4. Flight to Arras (ชื่อหนังสือฉบับแปลไทยใช้ชื่อว่า ‘นักบินรบ’) – เรื่องราวการบินลาดตระเวนในฝรั่งเศส พรรณนาถึงความไร้สาระของสงครามที่เกิดจากความขัดแย้งโง่ๆของมนุษย์ ดึงเอามาจากประสบการณ์ตรงของเขาในช่วงเวลาที่เลือกกลับไปรับใช้ประเทศในฐานะนักบินกองทัพ การอุทิศตน ความเสียสละ การต่อสู้ และการไม่ยอมแพ้ แม้ว่าฝรั่งเศสจะพ่ายแพ้สงครามในช่วงเวลานั้น)
.
5. The Little Prince (เจ้าชายน้อย) – เรื่องราวที่สะท้อนทุกแง่มุมของความเป็นมนุษย์ แรงบันดาลใจของเรื่องนี้มาจากเมื่อครั้งที่เขาประสบเหตุเครื่องบินตกที่ทะเลทรายสะฮารา และได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์ เรื่องราวแฝงปรัชญาของชีวิตมากมาย ที่สำคัญ เรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ไปทั่วโลกมากกว่า 300 ภาษา เรื่องเจ้าชายน้อย เป็นเรื่องที่สะท้อนความเป็นตัวตนของมนุษย์หลากหลายประเภท
.
ความพิเศษของหนังสือเล่มนี้คือ มันดึงดูดให้ผู้คนทุกเพศทุกวัยสามารถอ่านได้ ไม่ว่าจะอ่านแบบไม่คิดตามหรือคิดตาม และว่ากันว่า เมื่อช่วงวัยของเราได้เปลี่ยนผ่านไป ในแต่ละครั้งที่หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านซ้ำ มุมมองที่คิดตามเนื้อหาในหนังสือนั้นจะแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
.
เรื่องเจ้าชายน้อย เป็นเรื่องเล่าผ่านบทสนทนาระหว่างนักบินคนหนึ่งที่เครื่องบินตกกลางทะเลทราย และได้พบกับเจ้าชายน้อยที่เดินทางมาจากดาวเคราะห์อื่นนอกโลก
.
บทสนทนาถ่ายทอดออกมาอย่างกลมกล่อม แม้ตอนจบจะดูเหมือนเศร้า ที่เจ้าชายน้อยถูกงูกัด และเดินจากไป ทิ้งไว้ด้วยบางประโยคที่แฝงไว้ด้วยปรัชญาอันลุ่มลึก กับบางท่อนบางตอนในช่วงสุดท้ายของเล่มที่ว่า
.
“คุณเข้าใจไหม มันไกลมาก และผมไม่อาจนำร่างนี้ไปได้ มันหนักเกินกำลังของผม”
.
“มันก็เหมือนคราบเก่าๆที่เราลอกทิ้ง ไม่เห็นจะต้องเสียใจกับคราบเก่าๆเลย”
.
60 ปีภายหลังการสูญหายของเขา รัฐบาลฝรั่งเศสได้ประกาศยืนยันว่า ได้ค้นพบซากเครื่องบินลำที่ แซงเตก บินลาดตระเวน จึงสันนิษฐานได้ว่า เครื่องบินของเขาตก มีเรื่องเล่าในภายหลังว่า เครื่องของ แซงเตก ถูกยิงโดยนักบินขับไล่ชาวเยอรมันชื่อ ฮอร์สต์ ริปเปอร์ (Horst Rippert)
.
ฮอร์สต์ บอกว่า คืนนั้นเขายิงเครื่อง P-38 Lightning ตก บริเวณที่ แซงเตก บินลาดตระเวน โดยที่ ฮอร์สต์ เป็นหนึ่งในแฟนหนังสือของ แซงเตก ด้วย
ฮอร์สต์ สารภาพว่า ถ้าวันนั้นเขารู้ว่าเป็น แซงเตก “เขาจะไม่ยิง”
.
ชีวิตของ แซงเตก ก็คล้ายกับเจ้าชายน้อย พลัดถิ่น โดดเดี่ยวท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คน ใช้ชีวิตบนท้องฟ้าซะส่วนใหญ่ ห้วงยามที่เขาหายไปจากโลกก็ดูคล้ายกับตอนจบในหนังสือเรื่องเจ้าชายน้อยยิ่งนัก
.
แต่ตอนจบนั้นไม่ใช่สาระสำคัญสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะหายสาบสูญ ไม่ว่าเขาจะถูกยิงตก ร่างจะถูกทรายกลบฝังหรือไม่ หากแต่เขาได้พิสูจน์ให้โลกได้เห็นผ่านเรื่องราวมากมายในหนังสือ มันทำให้เราได้เข้าใจในชีวิตว่า ตอนจบนั้นหาใช่สาระไม่
.
เพราะเขาไม่เคยใช้ตรรกะในการเดินทางเพียงแค่เส้นตรงจาก A ไปถึง B หากแต่จินตนาการต่างหากที่พาเขาไปได้ในทุกที่ที่เขาอยากจะไป
.
บางทีเขาอาจจะปะปนอยู่กับ “สายลม ผืนทราย หรือแสงดาว”
.
หรือที่ไหนสักแห่ง บนดาวดวงใดก็ได้..สักดวง
.
.

อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇

https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *