<เรื่องนี้มีออกสอบสำหรับผู้ที่สนใจเรียนหลักสูตรครูการบิน>
.
ครูการบิน ไม่ใช่แค่ทำหน้าที่เพียงแค่ถ่ายทอดองค์ความรู้ ปลุกปั้นทักษะเฉพาะทางเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันหมายรวมไปถึงการหล่อหลอมจิตใจ การสร้างวินัย เพื่อขุดเอาสันชาตญาณพิเศษที่ต้องใช้มันบนท้องฟ้า
.
เพราะการเรียนรู้ทักษะทางการบินนั้น มันค่อนข้างเฉพาะทางมากๆ ทฤษฎีเรื่อง ‘การเรียนรู้’ จึงถูกออกแบบมา เป็นเครื่องมือไว้ให้ครูผู้สอนหยิบเอาไปใช้ เพื่อให้เข้าใจกลไกการเรียนรู้ของคนอย่างลึกซึ้ง
.
ตำราได้หยิบแนวคิดของ เอ็ดเวิร์ด ลี ธอร์นไดก์ นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ผู้อธิบายถึงปัจจัยสำคัญต่างๆที่มีผลต่อการเรียนรู้ของคน ทฤษฎีที่เรียกว่า ‘Thorndike’s Laws of Learning’ กล่าวถึง 7 ปัจจัยหลักดังนี้
.
1. ความพร้อม (Readiness) – ก่อนการเรียนรู้ ผู้เรียนต้องมีความพร้อม
.
หมายถึงความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ เรื่องนี้สอดคล้องกับทฤษฎีของมาสโลว์ (Maslow’s Hierarchy of Needs)
ความสามารถในการรับรู้ของคนนั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมของคนคนนั้น มาสโลว์อธิบายถึงความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการทางร่างกาย ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย ความต้องการความรักและสังคม ต้องการได้รับการยอมรับ และการบรรลุความหมายของชีวิตซึ่งแต่ละคนมีเป้าหมายที่แตกต่างกันไป
.
ครูการบินจะคอยหมั่นเช็กสภาพความพร้อมของศิษย์อยู่เสมอ คอยสังเกตปัจจัยภายนอก ความเครียด ปัญหาส่วนตัว รวมไปถึงการสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ สิ่งสำคัญไม่ใช่การเน้นที่ผลลัพธ์ หากแต่เน้นที่กระบวนการ และกระบวนการจะเป็นไปอย่างถูกทิศถูกทางได้นั้น ความพร้อมของผู้เรียนจึงถือได้ว่าเป็นปัจจัยแรกที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ มิอาจมองข้ามได้เด็ดขาด
.
2. การเรียนรู้ครั้งแรกสำคัญที่สุด (Primacy) – สอนครั้งแรกต้องถูกต้อง
.
การถ่ายทอดวิทยายุทธในครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด มีคำกล่าวนึงว่าไว้ “The first thing you learn is the last thing you forget.” (สิ่งแรกที่คุณเรียนรู้ คือสิ่งสุดท้ายที่คุณจะลืมมัน)
.
ครูการบินทุกคนพึงระลึกไว้เสมอว่า ทุกท่าทางแรก ทุกบทเรียนที่เป็นครั้งแรก จำเป็นต้องโชว์ในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด เพราะเรื่องใหม่นั้น มันจะฝังอยู่ในความทรงจำไปเนิ่นนาน อย่าให้เรียนรู้แบบผิดวิธีในครั้งแรก ซึ่งมันอาจต้องใช้เวลาที่นานมากในการแก้ไขปรับปรุง
.
บางท่าทางการบินที่ยากๆ ครูจึงต้องเตรียมตัวให้ดี ความยากของการสอนในอากาศก็คือ การบินไปด้วย อธิบายไปด้วย สอนไปด้วย และต้องทำท่าทางให้ถูกต้องแม่นยำด้วย หากได้มาลองจะรู้ว่ามันยากมากๆ หากขณะสอนเกิดพบข้อผิดพลาด จงอย่างอายที่จะบอกศิษย์ว่า อะไรคือข้อบกพร่อง เพื่อให้ศิษย์ได้รู้ ได้ซึมซับแต่สิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น
.
3. การสอนจากสิ่งที่รู้ไปสู่สิ่งที่ไม่รู้ (Relationship) – หลักการเชื่อมโยงเนื้อหาตามลำดับที่เข้าใจง่าย
.
นี่คือเรื่องของระดับการเรียนรู้ สมองจะเข้าใจเรื่องยากๆได้ จำเป็นต้องเริ่มจากเรื่องง่ายๆก่อน แล้วค่อยๆไล่ระดับขึ้นไป รวมถึงการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาในแต่ละบทเรียนด้วย เปรียบเสมือนโซ่ที่คล้องกันไว้ เชื่อมโยงกันไปเรื่อยๆ จากเรื่องที่ง่ายที่จะเรียนรู้ ไปสู่เรื่องที่ไม่รู้ จากสิ่งที่คุ้นเคย ไปสู่สิ่งใหม่ๆที่เริ่มท้าทายขึ้นเรื่อยๆ
.
ยกตัวอย่างเช่น การออกแบบหลักสูตรการบินในบางเฟส ที่ออกแบบให้ทำการฝึกบินด้วยเครื่องวัดประกอบการบินขั้นพื้นฐาน ค่อยๆฝึกให้มองแต่ในเครื่องวัด ก่อนที่จะเชื่อมโยงไปยังการใส่ฮูดแล้วฝึกบิน (Hood เป็นอุปกรณ์ช่วยฝึกในเฟสบิน IFR เพื่อให้ผู้ฝึกได้สวมใส่ขณะบิน เพื่อบดบังทัศนวิสัยภายนอกเครื่อง เพื่อให้ผู้ฝึกได้มองเห็นแต่เครื่องวัดภายในเครื่องเท่านั้น)
.
ฉะนั้น ครูการบินจึงจำเป็นต้องรู้เนื้อหาในภาพรวมทั้งหมด เชื่อมโยงท่าทางการบินในแต่ละบทเรียนได้ และลำดับความสัมพันธ์ของเนื้อหาเป็น
.
“Knowledge is like a chain—each lesson is a link. Skip one, and the chain breaks.” (ความรู้ก็เปรียบได้ดั่งโซ่ แต่ละบทเรียนคือห่วงโซ่ หากข้ามไปหนึ่งจุด โซ่อาจขาดได้)
.
4. การฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญ (Exercise) – ฝึกให้มาก เข้าใจให้ลึก
.
การเรียนรู้จะมีประสิทธิภาพได้ โดยเฉพาะทักษะการคอนโทรลเครื่องของนักบินนั้น จำเป็นต้องฝึก ฝึก แล้วก็ฝึกเท่านั้น การฝึกซ้ำๆสำหรับนักบินจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะก่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งได้ ทั้งกล้ามเนื้อมือ เท้า แขน ขา จะตอบรับกันอย่างอัตโนมัติ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกลไกที่ผ่านกระบวนการฝึกมาแล้วเท่านั้น
.
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การฝึกในท่าทาง Hovering ของนักบินเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นของยากที่สุด มันคือการฝึกบินลอยตัวนิ่งๆใกล้ๆพื้น ท่าทางนี้ จำเป็นต้องฝึกซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีใครที่สามารถฝึกได้ตั้งแต่ชั่วโมงที่หนึ่งแน่นอน กระบวนการเรียนรู้สำหรับท่าทางนี้จึงต้องเกิดจากการฝึกซ้ำๆอย่างมีเป้าหมายที่แน่วแน่
.
5. ความเข้มข้นของประสบการณ์ (Intensity) – ประสบการณ์จริงจะสร้างความจำที่ยั่งยืน
.
ศิษย์จะจำเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นหรือเหตุการณ์ที่มันติดตาติดใจไปได้อย่างยาวนาน มันจะจำได้ดียิ่งกว่าบทเรียนธรรมดาๆ
.
สำหรับการฝึกบินนั้น ในแต่ละวันจะพบเจอปัจจัยที่หลายหลายมากๆ ท้องฟ้าไม่เคยเหมือนเดิมสักวัน บางคนจดจำเรื่องราวขณะฝึกบินกับครูแล้วเจอสภาพอากาศแปรปรวนชวนน่าตกใจสุดๆ พวกเขาจะเรียนรู้เทคนิคจากครูว่ามีวิธีการเผชิญกับสภาพอากาศเหล่านั้นอย่างไร
.
หรือในการฝึกบินในวงจรก่อนทำการบินปล่อยเดี่ยว ฝึกกันมา 5 วัน ใช้รันเวย์ทิศทางหนึ่ง พอวันจะปล่อยเดี่ยวจริงๆ ลมเกิดเปลี่ยนทิศขึ้นมา ต้องใช้รันเวย์ในอีกทิศทางหนึ่ง กรณีเช่นนี้ นักบินจะจำได้แม่นมากๆ
.
ในวงการบินมีคำพูดหนึ่งคอยเตือนให้ระลึกไว้เสมอว่า “Always expect the unexpected” (จงคาดหวังสิ่งที่ไม่คาดคิดเสมอ)
.
6. ผลกระทบทางอารมณ์ (Effect) – บรรยากาศการเรียนรู้มีผลต่อความจำ
.
หากศิษย์มีความรู้สึกร่วมอย่างไรในการฝึก โดยเฉพาะความสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาทำได้เองนั้น มันจะสร้างแรงจูงใจ สร้างพลังใจให้เกิดขึ้นมามาก บรรยาศในการฝึกบินจึงสำคัญมากๆ หากกดดันมัน ผลจะยิ่งตรงกันข้าม กระบวนการเรียนรู้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
.
กุญแจสำคัญสำหรับครูการบินมีอยู่ 2 ดอกคือ ดอกแรก ถ้าจะติ ให้ติอย่างสร้างสรรค์พร้อมให้แนวทางการแก้ไข และดอกที่ 2 คือต้องหมั่นชมเชยความก้าวหน้าอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อไรที่ศิษย์สามารถก้าวข้ามความยากของบางท่าทางการบินได้ ต้องรีบชมทันที
.
การรับรู้นั้นจะกระตุ้นต่อมความจำที่ยั่งยืน เชื่อไหมว่า ไม่ว่าครูจะพูดหลายหลายประโยคขนาดไหนบนอากาศ แต่สิ่งที่ศิษย์จะจำได้แม่นมันไม่ได้อยู่ที่คำพูดเหล่านั้นเลย หากแต่มันอยู่ในอารมณ์ที่สัมผัสได้ มันอยู่ที่ว่า คำพูดของครูส่งผลต่อความรู้สึกของศิษย์อย่างไรมากกว่า
.
“People will forget what you said, but they will never forget how you made them feel.” (ผู้คนจะลืมสิ่งที่คุณพูด แต่พวกเขาจะไม่มีวันลืมความรู้สึกที่คุณทำให้พวกเขารู้สึก)
.
7. การทบทวนก่อนจบบทเรียน (Recency) – บทเรียนสุดท้ายจะถูกจดจำได้ดีเสมอ
.
อย่าลืมกระตุ้นซ้ำในทุกๆบทเรียน การรีวิว การสรุป การสังเคราะห์ การตกผลึกในสิ่งสำคัญที่สุดของแต่ละบทเรียน เช่น เมื่อบินเสร็จแล้ว จะต้องบรีฟหลังบิน ครูจะสรุปสาระสำคัญของท่าทางที่ฝึกในวันนั้นว่าต้องการเน้นย้ำเรื่องอะไรเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ไหลออกนอกกรอบไปจากเนื้อหา ไม่ไหลออกทะเลไปเรื่อย
.
อีกสิ่งหนึ่งคือ การจับจุดได้ว่าในวันนั้นศิษย์มีข้อบกพร่องอะไรเป็นส่วนใหญ่ สำหรับการบิน ศิษย์แต่ละคนจะมีทักษะในการคอนโทรลเครื่องที่แตกต่างกันมาก บางคนใช้ขาคอนโทรลได้ดีกว่าแขน บางคนกะน้ำหนักของมือได้ดีแต่ช้าในเรื่องของการใช้ขา ฉะนั้นแล้ว การจับจุดข้อบกพร่องที่สำคัญของศิษย์จึงจำเป็นมาก
โดยสรุป การเข้าใจถึง 7 ปัจจัยแห่งการเรียนรู้นี้ จะช่วยให้ศิษย์การบินได้มีกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อความมั่นใจในการบิน มันจะหล่อหลอมจิตใจ ฟูมฟักวินัย ขุดเอาสันชาตญาณพิเศษขึ้นมา สันชาตญาณที่นักบินทุกคนต้องมี เอาขึ้นไปใช้บนท้องฟ้า
.
หากสังเกตดูดีๆแล้ว ทักษะทางการบินที่เกิดขึ้นมาได้นั้น ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาจากการเรียนรู้ของผู้มาเรียนด้วยตัวเองล้วนๆ ครูเพียงแค่รู้จักใช้เครื่องมือ รู้โมเดล เข้าใจทฤษฎี แล้วนำมาใช้ประกอบการถ่ายทอด ส่วนเรื่องการเรียนรู้นั้น เป็นเรื่องเฉพาะตนจริงๆ
.
ตรงกับคำกล่าวของ จอห์น โฮลท์ ที่ว่า
.
“การเรียนรู้ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการสอน หากแต่เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการลงมือปฏิบัติของผู้เรียนเองต่างหาก”
<Learning is not the product of teaching. Learning is the product of the activity of learners. – John Holt>
.

.
อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇
https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL