SA = Situational Awareness หมายถึงการตระหนักรู้เท่าทันสถานการณ์ เป็นหนึ่งในสมรรถนะที่นักบินทุกคนต้องฝึก ต้องมีกันทุกคน
.
นักบินทุกคนต้องฝัง SA ลงไปใน DNA ของตนเอง เรื่องนี้ฝึกกันได้ มีพฤติกรรมอยู่ 10 อย่างที่ต้องฝึกให้เกิดขึ้น จนกลายเป็นธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของการบิน
.
นักบินที่มี SA ไม่ใช่แค่ “อยู่ในห้องนักบิน” แต่ต้อง “อยู่กับทุกวินาทีของสถานการณ์”
.
พฤติกรรมที่ต้องฝึกมีดังนี้
.
1. มองภาพรวมให้ขาด
.
เห็นสิ่งรอบตัวว่าอะไรกำลังเปลี่ยน ทั้งฟ้า สภาพอากาศ รวมไปถึงพฤติกรรมและพลังงานของทีม
.
2. รู้ทันภัยและข้อผิดพลาดก่อนมันจะลุกลาม
.
เพราะอุบัติเหตุมักเริ่มจากสัญญาณเล็กๆ ที่มักถูกมองข้าม
.
3. รู้ว่าเครื่องยังปกติดีอยู่ไหม ไม่ใช่แค่รอให้มีสัญญาณเตือนดัง
.
นักบินที่ดีจะใช้ผัสสะทั้ง 5 ได้อย่างช่ำชอง ทั้งคอยฟังเสียงเครื่อง รับรู้แรงสั่น และรู้ทันการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆได้ก่อนใคร
.
4. รู้ว่าเครื่องอยู่ตรงไหน กำลังไปไหน และควรอยู่ตรงไหนในอีกกี่นาทีข้างหน้า
.
5. ตามดูเวลาและเชื้อเพลิงเหมือนตามลมหายใจตัวเอง เรื่องนี้สำคัญมาก อากาศยานขาดน้ำมันขับเคลื่อนไม่ได้ พวกเราจะถูกสอน ถูกฝึกให้คอยหมั่นเช็กตลอด มีแผนสำรองพร้อมน้ำมันที่จะพาเราไปยังจุดหมายเสมอ
.
6. รู้ว่าใครอยู่บนเครื่อง และแต่ละคนมีพลังแค่ไหน ใครมีบทบาทอะไร ทั้งเพื่อนร่วมทีมและผู้โดยสาร คือส่วนหนึ่งของ “สถานการณ์”
.
7. ไม่ปล่อยให้สถานการณ์มาก่อนแผน
.
แต่มี “ความคิดล่วงหน้า” ที่นำหน้าสิ่งที่ยังไม่เกิด ครูมักสอนอยู่บ่อยๆว่า หัดฝึกคิดไปข้างหน้า ในแต่ละวินาทีที่ปีกวาดผ่านอากาศไป
.
8. มีแผนสำรองอยู่ในหัวเสมอ
.
ไม่ใช่เพราะกลัว..แต่ต้องเตรียมไว้เสมอในทุกสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนไป
.
9. ปกป้องทั้งเครื่องและชีวิตบนเครื่องอย่างไม่ประมาท ทุกชีวิตมีค่า ภารกิจสูงสุดคือความปลอดภัย เข้าคอนเซ็ปต์ Land and Live ทุกคน
.
10. รู้ว่าเมื่อไรตัวเองเริ่ม “ไม่รู้ตัว”
.
เพราะนักบินที่ดี .. คือคนที่รู้ทันว่า “สมองเรากำลังจะหลุดแล้วนะ”
….
ถามว่าทักษะทั้ง 10 ข้อนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไง มีหลายวิธีฝึก หนึ่งในวิธีที่ช่วยเสริมสร้างพฤติกรรมด้านนี้ก็คือ การฝึกป้อนโจทย์สมมติ การฝึกแบบนี้ช่วยฝึกสมองได้ดีมาก
.
ตำราของบริสโตวิชา KSA (Knowledge, Skills, and Attitudes) ยกตัวอย่างสถานการณ์สมมตินึงคือ ขณะผู้ช่วยนักบินกำลังบินไปสนามบิน Dallas-Fort Worth (DFW)
.
ระหว่างการบิน กัปตันช่วยฝึกผู้ช่วยนักบินโดยใช้เทคนิค “เล่นสถานการณ์สมมุติ” (scenario-based training)
.
FO ถูกฝึกให้ “คิดล่วงหน้า” ว่าอะไรอาจเกิดขึ้นบ้าง
.
โจทย์คือ ถ้า ATC เปลี่ยนรันเวย์แบบกะทันหัน จะทำอย่างไรและหากเกิดเหตุขัดข้องบางอย่าง จะเลือกตอบสนองแบบไหน
.
การฝึกแบบนี้ ทำให้ FO คนนั้น “พร้อม” ทันทีเมื่อ ATC เปลี่ยนรันเวย์จริงก่อนลงจอด และระบบ Autopilot หลุด
และเมื่อเกิดเหตุเช่นนั้นจริงๆ
.
ผลคือ
.
FO สามารถปิด Autopilot และบินแบบ manual เข้าสู่รันเวย์ใหม่ได้อย่างแม่นยำและมั่นใจ
.
แม้ว่าจะไม่เคยลงรันเวย์นั้นมาก่อน
.

.
– Situational Awareness ที่ดี ไม่ได้แปลว่า “รู้ปัจจุบัน” เท่านั้น
.
แต่รวมถึง “การซ้อมจินตนาการล่วงหน้า” ว่าถ้าอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ..
.
เราจะตัดสินใจอย่างไรให้ทันเวลาและถูกต้อง
.
– การฝึกแบบนี้ต้องใช้ “จินตนาการเชิงระบบ” (systemic imagination)
.
ไม่ใช่แค่ความรู้เชิงทฤษฎี
.
เพราะว่า Situational Awareness ไม่ได้อยู่แค่ในตำราเท่านั้น หลายสิ่งรอบตัวที่พร้อมจะเบี่ยงเบนไปจากแผน เราต้องพร้อมพลิกแพลงไปกับมันตลอดเวลา
ซึ่งมันอยู่ใน
.
“ทุกๆจังหวะที่เราหายใจไปพร้อมๆกับสถานการณ์รอบตัว”
.

.
อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇
https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL