ความหมายคือ หากนักบินร่ำสุรา ต้องรออย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนทำการบิน กฎเชื่อว่า 8 ชั่วโมงเพียงพอที่ร่างกายจะสลัดแอลกอฮอล์ออกไปจนเหลือในระดับที่ยอมรับได้ ถามว่าจริงไหม .. คำตอบคือไม่แน่เสมอไป
.
มีปัจจัยหลายอย่างเช่น ดื่มมาก ดื่มน้อย น้ำหนักตัว อายุ และเพศ เพราะร่างกายคนแต่ละคนมีระบบการเผาผลาญพลังงานของสารอาหารที่ได้รับต่างกัน ฉะนั้น จะบอกว่าดื่มให้เต็มที่แล้วไปพัก จับเวลา 8 ชั่วโมงแล้วไปบินได้ นั่นอาจไม่ใช่คำตอบ
.
ตามกฎหมายการบิน ฝั่งอเมริกาบอกว่า ก่อนบินนักบินต้องไม่มีแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 0.04% และห้ามบินหลังดื่มภายใน 8 ชั่วโมง ส่วนฝั่งยุโรปกำหนดเกณฑ์ไว้สูงกว่า คือห้ามมีแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 0.02% (กฎหมายการบินไทยใช้ 0.02% เหมือนยุโรป)
.
0.02 % หมายถึง ระดับแอลกอฮอล์ไม่ควรเกิน 0.2 กรัมต่อลิตร เราเรียกว่าค่า BAC หรือ ‘Blood Alcohol Concentration’
.
มีบริษัทหนึ่งในประเทศไทย เมื่อนักบินเดินเข้าที่ทำงาน ด่านแรกที่ต้องเจอคือห้องพยาบาล พนักงานทุกคนทั้งนักบินและช่างซ่อมบำรุงต้องผ่านด่านนี้ คือการเป่าแอลกอฮอล์ บันทึกผล และไปทำงาน เรียกได้ว่าเป็นกฎที่น่ารักมาก ต่างกันกับอีกหลายโลกคู่ขนานในประเทศของเรา
.
การขับเครื่องบินคืองานประเภทเดียวกับงานขับขี่ยานพาหนะ การควบคุมเครื่องจำเป็นต้องมีสติ และ ‘สุรา’ ทำให้ขาดสติ
.
กฎหมายขับรถบนถนนยังมีการควบคุมเรื่อง ‘เมาไม่ขับ’ ในประเทศไทยค่าแอลกอฮอล์ที่ตรวจต้องไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือ 0.5 กรัมต่อลิตร
.
คนเรามีเลือดไหลเวียนในร่างกายประมาณ 7 – 10 % ของน้ำหนักตัว คิดได้เฉลี่ย 4 – 6 ลิตรในผู้ใหญ่ สมมติเรามีเลือด 6 ลิตร ถ้าดื่มแล้วขับ ก็ไม่ควรมีแอลกอฮอล์เกิน 3 กรัม ส่วนงานบนฟ้ามีเกณฑ์ที่สูงกว่านั้น ค่าของสุราในเลือดต้องไม่เกิน 0.02 % สมมติน้ำหนักตัวมีเลือด 6 ลิตร เช่นนั้นแอลกอฮอล์จึงไม่ควรเกิน 1.2 กรัม
.
ยกทฤษฎีมาพูดอาจไม่เห็นภาพเท่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆมาแล้ว ต่อไปนี้คือเหตุการณ์จริงจากหลายพันเคสทั่วโลก
.
ปี ค.ศ. 2007 เดือนตุลาคม ประเทศสหรัฐอเมริกา เครื่องบิน Cessna 172 ตกกระแทกสนามบินปาล์มสปริงส์-เบอร์มิวดาดูนส์ อย่างรุนแรง สาเหตุเกิดจากเครื่องเข้าสู่สภาวะร่วงหล่นและแก้ไม่ทัน ที่มาคือนักบินไม่สามารถคอนโทรลเครื่องได้เนื่องจากปรับ Power ที่เหมาะสมช้าเกินไป ภายหลังสอบสวนพบว่านักบินมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดถึง 0.31% เหตุการณ์นี้นักบินเสียชีวิต
.
ปี ค.ศ. 2015 เดือนสิงหาคม ยูโรคอปเตอร์ EC120B ประเทศสวีเดน ตกที่ประเทศนอร์เวย์ เนื่องจากนักบินตัดสินใจช้าในการแก้ไขข้อขัดข้องขณะบิน สอบสวนภายหลังพบว่า นักบินมีค่าแอลกอฮอล์ในเลือด 0.229 % เหตุการณ์นี้นักบินรอด แต่บาดเจ็บสาหัสที่หลัง ส่วนเครื่องไม่ต้องพูดถึง ยับเยินเกินเยียวยา
ต่อให้เป็นนักบินชั้นเซียนขั้นเทพแค่ไหน ก็มิอาจต้านทานฤทธิ์ของสุรา
.
เหล้ากดสติ และมีผลต่อสมรรถนะของนักบินในเรื่อง ‘Decision making’ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
.
งานวิจัยบอกว่าค่า BAC ที่ระดับ 0.05% ก็เพียงพอที่จะส่งผลให้ระบบการตัดสินใจและระบบการรับรู้ของคนลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะห้วงยามที่ต้องใช้การตอบสนองที่รวดเร็วแม่นยำ และ BAC ที่ระดับ 0.02 % ส่งผลให้เวลาในการตอบสนองและความสามารถในการตัดสินใจลดลงถึง 10 – 20 % และค่า BAC ที่ 0.08% จะกดสติให้ตัดสินใจช้าลงถึง 40%
.
ถามว่าแล้วถ้ารู้ว่าจะมีบินพรุ่งนี้ วันนี้มีสังสรรค์จะดื่มเท่าไรดี แล้วพักเกินกว่าเท่าไรดี คำตอบคือไม่ดื่มเลยจะดีกว่า บางบริษัทตั้งกฎไว้ที่ 12 ชั่วโมง แต่ส่วนตัวเห็นว่าเว้นไปเลย 24 ชั่วโมง .. เอาชัวร์ไว้ก่อน
.
ก็เพราะว่าคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเรื่องของปริมาณที่ดื่ม ปริมาณเลือดในร่างกาย ความสามารถในการเผาผลาญ และอื่นๆ
.
“Eight hours from bottle to throttle” <Throttle ในที่นี้หมายถึงคันบังคับหนึ่งของนักบิน เอาไว้ปรับลดหรือเร่งกำลังของเครื่องยนต์>
.
“จากขวดสู่คันบังคับ” สำนวนที่เอาไว้ป้องปรามเหล่านักบินคอสุราทั้งหลาย น่าเศร้าที่อาจมีบางที่ยังมีความเชื่อผิดๆดังต่อไปนี้ว่า
.
“ยิ่งดื่มยิ่งบินดี”
.
“ดื่มแล้ว เซนส์มันจะมาเอง”
.
“จบมาใหม่ๆ ไปฝึกเป็นนักบินมือเย็นก่อน รอสักพักค่อยเป็นนักบินมือโต”
<ชงเหล้าบ่อย = นักบินมือเย็น>
.
อยากจะบอกว่า เป็นนักบินไม่จำเป็นต้อง ‘เซนส์ดี’ แต่ให้เริ่มที่ ‘Attitude ที่ดีก่อน’ และเชื่อในสิ่งที่ถูก ปลูกฝังในสิ่งที่ใช่ จากรุ่นสู่รุ่น เดี๋ยววัฒนธรรมใหม่มันก็งอกเงยขึ้นมาเอง
.
เพราะการบิน ไม่ใช่เรื่องของเราแค่คนเดียว ไหนจะคนที่บินด้วยกัน ไหนจะผู้โดยสารข้างหลัง ไหนจะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ด้านหลัง และมูลค่าอากาศยานหลายสิบ หลายร้อย หลายพันล้านบาท
.
องค์กรไหนไม่บังคับตรวจแอลกอฮอล์ก่อนบิน นักบินจึงควรตระหนักให้มาก
.
มีคำกล่าวนึงว่าไว้
.
“It’s better to be safe than sorry”
.
จะเลือก ‘Safe’ หรือ ‘Sorry’ .. ก็เลือกเอา
.
.
อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇
https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL