Skip to content

ยูจีน บุลลาร์ด (Eugene Bullard) นักบินรบผิวสีคนแรกของโลก ผู้โบยบินเหนือความอยุติธรรม

ต้นศตวรรษที่ 20 ยุคสมัยที่อเมริกาเหยียดผิวอย่างหนัก มีกฎหมายจิม โครว์ (Jim Crow) ออกแบบมากำกับระเบียบ แบ่งแยกคนผิวดำและผิวขาวออกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียน โรงพยาบาล ร้านอาหาร ระบบขนส่ง ห้องน้ำ แม้กระทั่งน้ำพุในที่สาธารณะ
.
ยุคที่มนุษย์พาเหล็กลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ ท้องฟ้าจึงเป็นอีกหนทางหนึ่งของนักแสวงหาอิสรภาพ ทว่า แม้แต่โรงเรียนสอนบินในห้วงเวลานั้นก็หาที่ต้อนรับคนผิวดำยาก ไม่มีที่ไหนในอเมริการับสอนคนผิวสีสำหรับการฝึกบิน
.
ยกเว้นที่ฝรั่งเศส
.
ปี 1959 ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ชาร์ลส์ เดอ โกล เดินทางเยือนสหรัฐ ตามหาพนักงานลิฟต์ผิวดำคนหนึ่ง คนอเมริกันผิวดำที่ชาวฝรั่งเศสยกย่องให้เขาเป็น ‘วีรบุรุษ’ ผู้ชายที่ชื่อว่า ยูจีน บุลลาร์ด
.
ย้อนจากปี 1959 ไปอีก 42 ปีก่อนหน้า สงครามโลกครั้งที่หนึ่งแผดเสียงคำรามกว้างกินพื้นที่ในยุโรปกว่า 12 ประเทศ ผืนดินบนฝรั่งเศสคือกระทะร้อนของหลุมระเบิด ควันไฟ เปลวเพลิงและเสียงปืน
.
บนพื้นมีทหารราบต่อสู้กัน อยู่ในสนามเพลาะ ขณะที่บนฟ้ามีนักบินหนุ่มผิวสีชาวอเมริกัน บินกวาดท้องฟ้า กราดยิงข้าศึกอย่างบ้าคลั่ง เขาคนนี้คือ ยูจีน บุลลาร์ด เป็นนักบินรบผิวดำคนแรกของโลกที่บินต่อสู้ภายใต้ธงชาติฝรั่งเศส
.
จากจอร์เจียสู่ปีกเหล็ก
.
เขาเกิดปี 1895 ที่เมืองโคลัมบัส รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา พ่อเป็นทาส เขาเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 10 คน ชีวิตวัยเด็กยากจน แวดล้อมไปด้วยสังคมเหยียดเชื้อชาติ
.
พ่อสอนเขาเสมอว่า
“จงรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง อย่าให้ใครพรากมันไปจากเราได้”
<Keep your dignity. Don’t let anyone take that from you.>
.
อายุ 11 ปี เขาตัดสินใจออกจากบ้าน เพื่อไปหาชีวิตที่ดีกว่า ระหกระเหไปเรื่อย จนไปลักลอบขึ้นเรือ มุ่งหน้าไปสกอตแลนด์ เดินทางต่อไปฝรั่งเศส ดินแดนที่เขาเรียกว่าบ้านในเวลาต่อมา
.
ครั้งสงครามโลกปะทุขึ้น บุลลาร์ดอาสาเข้าร่วมกองทหารต่างด้าวของฝรั่งเศส (French Foreign Legion) เป็นกองกำลังที่เปิดรับคนทุกเชื้อชาติ รวมถึงผู้ลี้ภัย อดีตนักโทษ ผู้ไร้บ้าน เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นได้มาพิสูจน์ตัวเองในสนามรบ
.
บุลลาร์ด ถูกส่งไปแนวหน้า เข้าร่วมในสมรภูมิสุดโหด (Battle of Verdun – ยุทธการแห่งแวร์แดง) เป็นสมรภูมิที่เดือดสุด รุนแรง และกินเวลายาวนาน ระหว่างการรบ เขาได้ยินเรื่องราวของนักบินในกองทัพ ท้องฟ้าคืออีกหนึ่งหนทาง เป็นแสงที่ริบหรี่ในใจเขา บุลลาร์ด บอกกับเพื่อนในเวลานั้นว่า
“One day, I will become a pilot.”
<“สักวันหนึ่ง ฉันจะเป็นนักบินให้ได้”>
.
ปี 1917 ยูจีน บุลลาร์ด ได้รับใบอนุญาตนักบิน เข้าร่วมกองทัพอากาศฝรั่งเศส ขับเครื่องบิน SPAD VII (เครื่องบินรบขับไล่ เอสแพดรุ่น 7) ออกรบมากกว่า 20 ภารกิจ ฉายาของเขาคือ “The Black Swallow of Death” <นกนางแอ่นทมิฬแห่งความตาย>
.
ด้วยเพราะเขายิงเครื่องบินข้าศึกตกได้หลายลำ เขากลายเป็นนักล่าบนท้องฟ้า เป็นนกนางแอ่นดำ เป็นฮีโร่ของคนฝรั่งเศส
.
ครั้นสหรัฐร่วมกระโจนเข้าสู่สงคราม บุลลาร์ด จึงตัดสินใจยื่นใบสมัครเป็นนักบินกองทัพสหรัฐ ด้วยสำนึกในบ้านเกิดเพราะอยากรับใช้ชาติ ทว่า ใบสมัครของเขาถูกปฏิเสธ แม้เขาจะมีประสบการณ์บินรบในหลายสมรภูมิและสอบผ่านในทุกบททดสอบ สาเหตุหลักเพราะเขาเป็นนกผิวสีดำ
.
หลังสงคราม เขาเลือกตั้งรกรากที่ปารีส เปิดไนต์คลับเล็กๆ ที่ๆกลายเป็นแหล่งพบปะของคนดังมากมายเช่น โจเซฟิน เบเกอร์ (นักร้อง นักเต้น นักแสดงหญิงชาวอเมริกันผิวดำ) เอฟ. สก็อตต์ ฟิตซ์เจอรัลด์ (นักเขียนนวนิยายชาวอเมริกัน) และ หลุยส์ อาร์มสตรอง (นักดนตรีแจ๊ส นักเป่าแตรระดับโลก)
.
ธุรกิจดำเนินไปได้ดี แต่แล้วสงครามครั้งใหม่ก็เริ่มปะทุอีกครั้ง ไม่มีเวลาให้พักหายใจสักนิดสำหรับคนในยุคนั้น
.
สงครามโลกครั้งที่สอง บุลลาร์ด ไม่ได้รบบนฟ้าอีกแล้ว ด้วยร่างกายที่โรยราไปมาก แต่เขายังเข้าร่วมในฐานะสายลับของฝรั่งเศส เฝ้าจับตามองพวกนิยมลัทธินาซีที่แฝงตัวอยู่ในฝรั่งเศส
.
ภายหลังเขาถูกระเบิดจากปืนใหญ่ บาดเจ็บสาหัส ฝรั่งเศสกำลังจะถูกนาซียึด เขาจำเป็นต้องลี้ภัย กลับบ้านเกิดที่อเมริกา
.
บ้านที่เหมือนไม่ใช่บ้าน เขาต้องเผชิญกับการถูกเหยียดผิว กดขี่เชื้อชาติอีกครั้ง เขาเอ่ยว่า
“ที่ฝรั่งเศส ผมได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นคน แต่ที่อเมริกา ผมเป็นแค่ศูนย์”
<In France, I was treated like a man. In America, I was nothing.>
.
ในฝรั่งเศส บุลลาร์ดได้รับเหรียญเกียรติยศมากมาย รวมถึง Legion of Honor ซึ่งถือเป็นเหรียญที่มีเกียรติสูงสุดของประเทศ
.
ขณะที่ในสหรัฐ .. เขาเป็นพนักงานลิฟต์ในนิวยอร์ก
.
จนกระทั่งปี 1959 เมื่อประธานาธิบดีฝรั่งเศส ชาร์ลส์ เดอ โกล เดินทางมาเยือนสหรัฐ และร้องขอพบ ยูจีน บุลลาร์ด .. รัฐบาลอเมริกันถึงกับรีบตามหาตัวเขากันยกใหญ่และพบเขาในชุดพนักงานลิฟต์
.
เขายังนึกถึงคำของพ่อเสมอ
“Keep your dignity. Don’t let anyone take that from you.”
(“จงรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง อย่าให้ใครพรากมันไปได้”)
.
หลังจากเขาได้พบประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในครั้งนั้น ชีวิตของเขาก็กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง บุลลาร์ด ได้รับเชิญให้สัมภาษณ์ในรายการ Today Show ของ NBC ซึ่งจัดขึ้นในอาคารที่เขาทำงานเป็นพนักงานลิฟต์
.
นกนางแอ่นดำตนนี้ เสียชีวิตในปี 1961 สองปีภายหลังที่บ้านเกิดเมืองนอนได้รู้เห็นคุณค่าของเขา ต่อมาในปี 1994 บุลลาร์ดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นร้อยโทกิตติมศักดิ์ของกองทัพอากาศสหรัฐ .. ความฝันหนึ่งที่เขาอยากรับใช้ชาติในฐานะนักบินกองทัพอากาศ แม้เขาจะไม่ได้อยู่เห็นมัน แต่คนรุ่นหลังได้รับรู้
.
นกนางแอ่นที่ไม่ได้กระพือปีกเหนือน่านฟ้าบนบ้านตน แต่ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษในกาลต่อมา และเรื่องราวของเขาไม่เคยถูกลืม มันกลับยิ่งตอกย้ำให้ผู้คนเห็นว่า ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน <“Tout le monde est égal.”>
.
สำหรับเขา กับคำพูดในอดีตที่ว่า “สักวันหนึ่ง ฉันจะเป็นนักบินให้ได้” กับสิ่งที่ไม่เคยจางหายไปจากตัวคือ “ศักดิ์ศรี” และ “ความภาคภูมิใจในตนเอง”
คนเราจะชาติพันธุ์เผ่าเหล่ากอไหน สีผิวใดก็ตาม สุดท้าย เลือดที่หลั่งออกมาก็สีแดงเหมือนกันทุกคน <All blood runs red>
.
มันคือสิ่งที่ทำให้ชื่อของเขายังคงถูกพูดถึงต่อๆกันมา
….
เกร็ดความรู้
.
– ยุคต้นถึงกลางศตวรรรษที่ 20 (ค.ศ.1920 – 1960) ลิฟต์ในอาคารสูงยังไม่ได้เป็นระบบอัตโนมัติเหมือนในปัจจุบัน ลิฟต์ในยุคนั้นต้องใช้คนควบคุม ใช้ระบบคันโยก พนัหงานลิฟต์มีหน้าที่ ยืนประจำอยู่ในลิฟต์ตลอดเวลา คอยควบคุมการขึ้นลงของลิฟต์ด้วยมือ เปิด-ปิดประตูลิฟต์ คอยให้บริการและพูดจาสุภาพกับผู้โดยสาร
อาชีพนี้ถือเป็นงานบริการที่ไม่ได้รับการยกย่องหรือมีเกียรติมากนัก มักเป็นงานที่มอบให้กลุ่มผู้อพยพ คนผิวดำ หรือผู้ที่ไม่มีโอกาสได้ทำงานดีๆในสังคมที่แบ่งเชื้อชาติสมัยนั้น
– “Tout le monde est égal.” เป็นภาษาฝรั่งเศส เขียนเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “Everyone is equal.”
.
ภาพโดย Anja จาก Pixabay

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *