มันคือการฝึกบินด้วยเครื่องวัดประกอบการบิน
.
คำว่า ‘บินด้วยเครื่องวัดประกอบการบิน’ สำหรับนักบินเราเรียกว่า Instrument Flying
.
และในหลักสูตรนักบินพาณิชย์ตรีเฮลิคอปเตอร์ จะมีเฟสการฝึกบินด้วยเครื่องวัดขั้นพื้นฐานอยู่ด้วย มันคือหนึ่งในบันไดของการฝึกบนเส้นทางวิชาชีพนักบิน .. ไม่มีนักบินคนไหนที่อ่านค่าบนเครื่องวัดไม่เป็น
.
ก่อนบินเราจะรีวิวภาคทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกันอีกครั้ง วิชาที่ถูกนำมาใช้เป็นสะพานเชื่อมไปยังภาคปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นวิชา Aircraft General Knowledge (Instrumentation) – ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอากาศยาน เน้นเรื่องเครื่องวัดประกอบการบิน วิชา Air law – กฎหมายการบิน หรือจะเป็นวิชาการวางแผนการบิน การนำทาง การใช้เครื่องวัดต่างๆบนเครื่อง เกือบทุกวิชาที่ถูกนำมาผสมผสานกันในบทเรียนนี้ เพื่อนำไปใช้จริงบนอากาศ
.
เริ่มแรกทุกคนต้องรู้ว่า อากาศยานที่จะใช้บินในสภาพอากาศที่ไม่ดีและมีทัศนวิสัยที่ต่ำกว่าการพาเครื่องขึ้นบินตามกฎการบิน VFR (Visual Flight Rules) แล้วจะเปลี่ยนไปบินด้วยกฎการบินแบบ IFR (Instrument Flight Rules ) อากาศยานนั้นจะต้องมีอุปกรณ์ขั้นต่ำอะไรบ้าง เช่นบนเครื่องต้องมีเครื่องวัดความเร็ว เครื่องวัดความสูง เครื่องวัดอัตราไต่/ร่อน เข็มทิศ นาฬิกา และอื่นๆตามที่กฎหมายการบินกำหนด
.
จากนั้นจึงจำเป็นต้องเรียนรู้กฎการบินแบบ IFR (Instrument Flight Rules) เข้าใจเรื่องการวางแผนการบิน การคำนวณน้ำมันเชื้อเพลิง การเดินอากาศบนถนนสมมติที่มีหลายเส้นทางบนท้องฟ้า การบินตามแผนที่นำทางเข้าสู่สนามบิน (Approach Chart) เป็นต้น
.
ตบท้ายด้วยหลักการสำคัญ เทคนิคการสแกนเครื่องวัด การแปลผล และการคอนโทรลเครื่อง อันถือเป็นหัวใจสำคัญของการบินในบทเรียนนี้
.
เพราะว่าเราจะไม่มองผ่านกระจกหน้าห้องนักบินออกไปชมทัศนียภาพภายนอกกันแล้ว ตัวช่วยเราอยู่บนแผงหน้าปัด ภายในห้อง Cockpit ที่แสนจะวุ่นวายนี้เท่านั้น
.
เฟสนี้ถือเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ของหลักสูตรนักบินพาณิชย์ ศิษย์จะได้รับการฝึกในขั้นพื้นฐาน และหากจะต่อยอดให้ได้ศักย์การบินกับเครื่องวัดประกอบการบินโดยสมบูรณ์นั้น นักบินจำเป็นต้องเรียนหลักสูตรเฉพาะที่ชื่อว่า ‘Instrument Rating’
.
เวลาฝึกบิน ศิษย์การบินจะต้องสวมใส่อุปกรณ์ที่ช่วยบดบังการมองเห็นภายนอกเครื่องขณะบิน โดยมุ่งเน้นให้ศิษย์โฟกัสไปที่เครื่องวัดประกอบการบินในห้องนักบินเพียงที่เดียว เราเรียกอุปกรณ์เหล่านี้ว่า View Limiting Devices เช่น Hood และ Foggles
.
Hood มีลักษณะคล้ายหมวก มีส่วนที่ยื่นออกมาด้านหน้าพอที่จะบดบังสายตาของผู้ฝึกไม่ให้เผลอมองออกไปด้านนอกเครื่องได้
.
Foggles มีลักษณะคล้ายแว่นตา ที่มีส่วนที่ปิดการมองเห็นภาพในมุมกว้าง มีช่องให้มองเห็นผ่านได้แค่ภายใน Cockpit แค่นั้น
.
ท่าทางการฝึกขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องผ่านได้แก่
.
1. การบินตรงบินระดับที่ความเร็วต่างๆ – ท่านี้คือท่าพื้นฐาน จะบอกว่าเป็นท่าฝึกที่ดูเหมือนไม่มีอะไรซับซ้อน แต่การจะบินท่านี้ให้เนียนนั้น ไม่ง่ายเลย
.
2. การไต่ตรงหน้า การร่อนตรงหน้า – ฝึกคอนโทรลอัตราไต่ อัตราร่อนให้คงที่ ความเร็วคงที่ ทิศทางหัวเครื่องคงที่ ไปยังความสูงที่กำหนดไว้
.
3. การฝึกเลี้ยวด้วยมุมและอัตราเลี้ยวมาตรฐาน (เราเรียกว่า Standard Rate Turns หมายถึงเราจะฝึกเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางโดยใช้เวลา 2 นาที ทิศทางจะต้องเปลี่ยนไป 360 องศา)
.
4. การฝึกเลี้ยวไปด้วยไต่ไปด้วย และฝึกเลี้ยวไปด้วยร่อนไปด้วย – ท่านี้จะยากมากสำหรับมือใหม่ทุกคน แรกๆทุกคนก็จะทำได้แบบรวนๆ บ้างรักษามุมเลี้ยวได้ดี แต่รักษาอัตราไต่ไม่ได้ บางคนรักษาอัตราร่อนได้ดีแต่มุมเลี้ยวไม่คงที่ ท่านี้ต้องสแกนเครื่องวัดให้ไวและครบ และต้องบินไปยังทิศทางที่กำหนดพร้อมถึงความสูงที่กำหนดไว้ได้อย่างพอดิบพอดี
.
5. การฝึกเลี้ยวมุมลึก (Steep Turn) – ท่านี้ฝึกการคอนโทรลเครื่องโดยเลี้ยวปีกลึกไปพร้อมๆกับรักษาความเร็วและความสูงให้คงที่ เวลาฝึกจะให้เลี้ยวเปลี่ยนทิศทางครบ 1 รอบหรือ 360 องศา .. การเลี้ยวปีกลึกต้องรู้จักการบินไปและปรับแต่ง Power ไปด้วย เพื่อไม่ให้เครื่องสูญเสียโปรไฟล์เดิมที่ต้องการ ท่านี้ก็ไม่ง่าย บางคนไม่กล้าเอียงปีกลึก บางคนเลี้ยวไปความสูงค่อยๆร่วงไป .. บางคนเลี้ยวครบรอบแล้วยังไม่รู้ตัว เผลอเลี้ยวต่อไปเรื่อย .. การสแกนเครื่องวัด การแปลผล การคอนโทรลเครื่องและสมาธิจึงสำคัญมาก
.
6. การแก้คืนเมื่อเครื่องอยู่ในสภาพที่ไม่ปกติ (เราเรียกว่าท่า Unusual attitudes) – ขณะฝึก ครูจะให้ศิษย์หลับตา แล้วครูจะบังคับเครื่องให้อยู่ในท่าทางแปลกๆ ให้เครื่องออกนอกโปรไฟล์ที่ต้องการ เช่น หัวเชิดเกินไป ความเร็วค่อยๆลดลง ทิศทางเปลี่ยน เอียงปีกลึก จากนั้นครูจะให้ศิษย์ลืมตาแล้วให้ศิษย์บังคับเครื่องให้กลับมาสู่สภาพปกติอีกครั้ง
.
เมื่อผ่านบทเรียนนี้ไปได้ พวกเขาก็จะเชื่อมั่นในเครื่องวัดมากกว่าความรู้สึก .. และสำหรับการบิน มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ..
.
ตามสถิติเมื่อนักบินเฮลิคอปเตอร์เผลอหลงเข้าไปในสภาพอากาศ พวกเขามีเวลาเพียง 56 วินาทีเท่านั้นที่จะปรับสภาพจากการบินแบบมองเห็นภายนอกเครื่อง มาเป็นการบินแบบดูเครื่องวัดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
.
56 วินาทีสำหรับการสแกนเครื่องวัด แปลผล และคอนโทรลเครื่องให้ยังคงบินต่อไปได้ด้วยความปลอดภัย
.
56 วินาทีที่ห้ามใช้สันชาตญาณทำการบิน ห้ามเชื่อความรู้สึกเด็ดขาด
.
ครูมักเน้นอยู่เสมอ มันคือคาถากันตายที่บอกว่า
.
“จงเชื่อเครื่องวัด อย่าเชื่อความรู้สึก”
.
<Trust your instrument, not your instincts. Let the gauges guide you>
.
หากผ่านบทเรียนนี้ไปได้ รับรองได้ว่าศิษย์ทุกคนจะมีสมรรถนะทางการบินที่พัฒนามากขึ้น และทุกคนจะเชื่อเครื่องวัดและหลงรักมันอย่างแน่นอน
….
สาระเพิ่มเติม
.
– วลี ’56 Seconds to live’ สำหรับนักบินเฮลิคอปเตอร์ หมายความว่าหากนักบินบินเข้าไปสู่สภาพอากาศที่มองไม่เห็นภายนอกเลย เขามีเวลาแก้ไขไม่เกิน 56 วินาทีเท่านั้น
.
– VFR (Visual Flight Rules) – กฎการบินในสภาพอากาศที่สามารถมองเห็นด้วยสายตาภายนอกเครื่องได้ สำหรับกฎหมายการบินระบุไว้ว่าจะทำการบินด้วยกฎนี้ ทัศนวิสัยต้องไม่ต่ำกว่า 5 กิโลเมตร
.
– IFR (Instrument Flight Rules) – กฎการบินด้วยเครื่องวัดประกอบการบิน กรณีทัศนวิสัยต่ำกว่า 5 กิโลเมตร หากนักบินมีศักย์การบินด้วยเครื่องวัดประกอบการบิน (Instrument Rating) และอากาศยานที่บินได้รับการรับรองให้บินด้วยกฎ IFR ได้ นักบินก็สามารถเลือกบินด้วยกฎ IFR ได้
.

.
(ภาพจากห้องพักผ่อนฝูงบิน 2 หน่วยบิน ร.ล.จักรีนฤเบศร)
.
อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇
https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL