Skip to content

นักบิน / ความรัก / การรอคอย

  • by
7 ธันวาคม 1941
.
อาทิตย์ขึ้นพ้นขอบฟ้า นกเหล็กฝูงใหญ่โปรยบางสิ่งใส่เกาะที่ตั้งอยู่กลางอ่าวอันเงียบสงบ เกาะที่ชื่อว่า ‘โอวาฮู’
.
ท่าเรือเพิร์ลฮาร์เบอร์ รายล้อมด้วยเรือรบมากมาย วันนั้น ไร้เสียงเตือนล่วงหน้าของบางสิ่งจากบนท้องฟ้า
.
ครั้นบางสิ่งนั้นร่วงพรมลงบนเกาะ ความสงบก็พลันหายไป
.
ฐานทัพเรือสหรัฐถูกระเบิดโปรยใส่ย่อยยับ เป็นการบุกโจมตีอย่างเซอร์ไพรส์จากฝูงบินแดนอาทิตย์อุทัย จำนวนนกเหล็กหิ้วระเบิดนับได้ราวสามร้อยกว่าลำ
หลายคืนก่อนภารกิจนั้น เขานั่งอยู่ในห้องเล็กๆที่มืดเย็น ผนังห้องถูกลูบด้วยแสงของตะเกียงน้ำมัน ทอดเงาบางส่วนลงบนพื้นเสื่อทาทามิ เขาคือนักรบชาวญี่ปุ่นที่ได้รับภารกิจในการนำเครื่องบินไปทิ้งระเบิดเพื่อโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์
.
เขาชื่อว่า นาวาโท มิตซึโอะ ฟูชิดะ
.
หญิงสาวสืบเท้าเข้ามาทำลายความเงียบเฉียบของห้องนั้น
.
“ยังจำวันที่คุณขอฉันแต่งงานได้ไหม”
.
“ผมจำได้ดี”
.
“คุณบอกว่า ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน คุณจะกลับมาหาฉันเสมอ”
.
หล่อนรู้ดีว่าหากคิดจะร่วมชีวิตกับนักรบ ชีวิตคู่ย่อมหาความแน่นอนได้ยากนัก
.
“คุณคิดว่า สงครามจะนำความสงบกลับมาได้จริงหรือ” ภรรยาเอ่ยถามสามี
.
คำถามถูกทิ้งช่วงนานพอทำให้ได้ยินเสียงลมหอบพัดดอกซากุระที่ลานนอกบ้านนั้น
.
ไร้คำตอบจากนักบินรบ เขารู้ดีว่ายากที่จะให้คำมั่นสัญญาใดๆ และนี่คือภารกิจขององค์พระจักรพรรดิ มันคือหน้าที่ของลูกพระอาทิตย์
.
หล่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งขึ้นมาจากกล่องไม้ หยิบยื่นให้สามี บนผ้าปักชื่อ “มัตซึโอะ ฟูชิดะ และ ฮารุโกะ”
.
“สัญญากับฉันนะ ว่าคุณจะกลับมา”
.
เขามองดวงตาของภรรยาผ่านแสงสลัวของดวงไฟเล็กๆจากน้ำมันตะเกียง มือกุมผ้าเช็ดหน้านั้นแน่นหนัก
.
“เชื่อผมนะ นกทุกตัวหาทางกลับบ้านได้เสมอ”
….
หลังระเบิดทำงาน ชำระล้างความเงียบกริบของเกาะในเช้าวันใหม่ ปลุกเสียงกรีดร้องไร้ท่วงทำนอง จบชีวิตพลเรือนและทหารกว่าสองพันคนบนเกาะ ทั้งเรือรบและเครื่องบินของสหรัฐ ถูกทำลายเสียหายหนัก นั่นคือปฐมบทของสงครามที่พญาอินทรีมิอาจปล่อยผ่าน
.
นักบินรบชาวญี่ปุ่นนำนกเหล็กกลับฐานที่ตั้ง แต่ยังไม่ได้กลับบ้าน สงครามยื้อยาวกว่าที่คิด เขาต้องนำฝูงบินไปเยี่ยมเยือนในอีกหลายประเทศ ภารกิจยังไม่จบ นกอย่างเขายังกลับบ้านไม่ได้
.
เขาก้มหน้า หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อที่หน้าอกข้างซ้ายขึ้นมาดู มือลูบชื่อที่ถูกปักอยู่บนนั้น ชื่อภรรยาของเขา “ฮารุโกะ”
….
18 เมษายน 1942
.
หลังญี่ปุ่นบุกเพิร์ลฮาร์เบอร์เมื่อสี่เดือนก่อน ทัพฟ้าพญาอินทรีจึงตอบโต้ด้วยการส่งฝูงบิน B-25 จำนวน 16 ลำ หิ้วระเบิดทิ้งปูพรมใส่พื้นที่เป้าหมาย โตเกียว โยโกฮาม่า โยโกสุเกะ นาโกย่า และโกเบ เป็นการโจมตีแบบเซอร์ไพรส์
.
นำโดยพันโทเจมส์ จิมมี่ ดูลิตเติล
.
คืนก่อนหน้าวันนั้น
.
โจเซฟิน ภรรยาของจิมมี่ ลูบไล้ผ้าปูโต๊ะปักลายบนโต๊ะอาหารในห้องยามสงัด พร้อมแสงสลัวของเตาผิงทอดเงาลงบนโต๊ะอาหาร
.
“คุณควรเข้านอนได้แล้ว” จิมมี่กำลังนั่งวางแผนการบินอยู่ในห้องอาหาร เห็นภรรยาไม่ยอมเข้านอน
.
“ฉันจะนอนได้อย่างไร ในเมื่อหลังจากวันพรุ่งนี้ ฉันไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาเมื่อไหร่”
.
“มันคือภารกิจ เราจะจบมันให้ไวที่สุด”
.
“สัญญากับฉันนะ ว่าคุณจะกลับมา” ดวงตาของผู้เป็นภรรยาดูเศร้า
.
เขายื่นนิ้วชี้ไปสะกดริมฝีปากอุ่นของหล่อน สายตาชำเลืองมองดูผ้าปูโต๊ะที่ปักชื่อของเขาไว้ อักษรเขียนชื่อว่า “จิมมี่ ดูลิตเติ้ล”
.
แม้ไม่อาจให้คำมั่นได้เต็มปาก เพราะทั้งสองต่างรู้ดีว่า ชีวิตทหารยามสงคราม ไม่อาจหาความแน่นอนจากสิ่งใดได้ เขาได้แต่ใช้สันชาตญาณนักบินของเขา พลางเอ่ยตอบกลับไปว่า
.
“เชื่อผมนะ นกทุกตัวหาทางกลับบ้านได้เสมอ”
….
📌 เกร็ดประวัติศาสตร์เพิ่มเติม
.
🎯 วันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 (การโจมตีที่เพิร์ลฮาร์เบอร์)
.
นาวาโท มิตสึโอะ ฟุชิดะ (Commander Mitsuo Fuchida) เป็นผู้นำ กองบินคลื่นแรกของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น (Imperial Japanese Navy Air Service) ทำการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ที่ เพิร์ลฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor) รัฐฮาวาย เกาะโอวาฮู
.
เขาบังคับเครื่องบิน Nakajima B5N2 “Kate” เป็นเครื่องบินทิ้งตอร์ปิโด โดยส่งรหัสวิทยุคำว่า Tora Tora Tora ซึ่งเป็นรหัสที่โด่งดังภายหลังเหตุการณ์ เพื่อแจ้งว่าการโจมตีนั้นประสบความสำเร็จโดยสมบูรณ์เบ็ดเสร็จ
.
การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ใช้เครื่องบินรวม 353 ลำ โดยมีเป้าหมายหลักคือ เรือประจัญบาน สนามบิน และฐานทัพทางทหารของสหรัฐ
.
ชาวอเมริกันกว่า 2,400 คน เสียชีวิต และเรือประจัญบานหลายลำได้รับความเสียหายหนัก
.
การโจมตีครั้งนั้นนำไปสู่การเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองของสหรัฐอเมริกาในวันถัดมา
….
🎯 วันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1942 (การโจมตีของ Doolittle :The Doolittle Raid)
.
พันโท เจมส์ จิมมี่ ดูลิตเติล (Lieutenant Colonel James “Jimmy” Doolittle) เป็นผู้นำฝูงบิน B-25 Mitchell จำนวน 16 ลำ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเหนือประเทศญี่ปุ่น
.
เครื่องบินทิ้งระเบิดออกบินจากเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Hornet (CV-8) ในมหาสมุทรแปซิฟิก
.
เป้าหมายการโจมตี ได้แก่ โตเกียว, โยโกฮามะ, โยโกสุกะ, นาโกย่า, และโกเบ ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและฐานทัพทางทหารของญี่ปุ่น
.
แม้ว่าการโจมตีจะสร้างความเสียหายให้กับญี่ปุ่นเพียงเล็กน้อย แต่กลับมีผลกระทบทางจิตวิทยาอย่างมาก เพราะทำให้ญี่ปุ่นเสียขวัญอย่างหนัก
.
หลังจากทิ้งระเบิดแล้ว ฝูงบินของ Doolittle ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงเพียงพอที่จะกลับไปยังเรือบรรทุกเครื่องบิน ทำให้นักบินต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินในจีน หรือแม้กระทั่งนักบินบางส่วนต้องกระโดดร่มหนีออกจากเครื่องก่อนที่น้ำมันจะหมด
.
แม้ว่าสมาชิกทีมส่วนใหญ่ของฝูงบินจะรอดชีวิต แต่บางคนถูกกองทัพญี่ปุ่นจับกุมและถูกประหารชีวิตหรือไม่ก็ถูกคุมขัง
….
🎯 โจเซฟิน คือภรรยาของพันโทเจมส์ จิมมี่ ดูลิตเติล มีตัวตนจริงและผ้าปูโต๊ะอาหารที่มีลายเซ็นนั้นคือเรื่องจริง (โจเซฟินปักลายเซ็นของบุคคลสำคัญในยุคนั้นบนผ้าปูโต๊ะอาหารที่มาร่วมทานมื้อเย็นกันที่บ้าน)
.
🎯 ฮารุโกะ คือภรรยาของนาวาโท มัตซึโอะ มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์
.
🎯 หลังสงคราม มิตสึโอะ ฟุชิดะ ละทิ้งอดีตทางทหาร หันมานับถือศาสนาคริสต์ และกลายเป็น นักเผยแผ่ศาสนาและผู้สนับสนุนสันติภาพ ขณะที่ จิมมี่ ดูลิตเติล ยังคงทำงานด้านการบิน ดำรงตำแหน่งระดับสูงในกองทัพ และเป็นที่ปรึกษา เป็นผู้บริหารในภาคธุรกิจ เขาได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษสงครามในเวลาต่อมา
….
สงครามไม่มีอะไรดี มันอาจไม่สำคัญว่าใครเริ่มก่อน แต่มันสำคัญว่าเมื่อไหร่ที่ใครจะหยุดมัน ระหว่างทางของสงครามมีหลายสิ่งซุกซ่อนไว้ ทั้งความรัก น้ำตาและการรอคอย
.
เบื้องหลังของทุกแนวหน้าย่อมมีหลังบ้านรอคอยเสมอ ราคาที่ต้องจ่ายแสนสาหัสนัก
.
แม้นกทุกตัวจะหาทางกลับบ้านได้
.
แต่มันก็ .. ใช่ว่า .. จะทุกตัว
.
.

อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇

https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *