Skip to content

ก่อนบิน..นักบินต้องตรวจเครื่อง..ตรวจอะไร?

“Safety in the air begins with care on the ground”
.
ประโยคนี้ตรงประเด็นและโดนใจมาก ก่อนจะพาเหล็กลอยได้ขึ้นไปบนอากาศ การดูแลใส่ใจที่พื้นย่อมสำคัญนัก
.
นักบินจะมีเพื่อนคู่ใจซี้ปึ้กอยู่หนึ่งอย่าง เราเรียกเขาว่า ‘เช็กลิสต์ (Checklist)’ และหนึ่งในเช็คลิสต์แรกสุดที่นักบินจะต้องทำทุกครั้งก่อนขึ้นบินก็คือ การตรวจเครื่องก่อนบิน หรือ Pre-Flight Inspection
.
ฤดูหนาว เดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ.2018 เครื่อง Airbus A330-300 เที่ยวบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ บินขึ้นจากสนามบินบริสเบน (Brisbane) ไต่ระดับขึ้นไปที่ความสูง 11,000 ฟุต ฝ่าอากาศเย็นยะเยือกยามค่ำคืนของเมืองใหญ่แดนจิงโจ้ ทว่า ค่าความเร็วของเครื่องขณะบินนั้นไม่โชว์บนหน้าจอของนักบิน ทำให้นักบินตัดสินใจบินกลับมาลงที่สนามบินบริสเบน
.
ผลการสอบสวนคือ ก่อนขึ้นบินนักบินไม่ได้เอา Pitot mast covers* ทั้งหมดออก ส่งผลให้ขณะทำการบิน ค่าความเร็วของเครื่องบินไม่โชว์ให้นักบินเห็น เมื่อนักบินไม่รู้ความเร็วขณะบิน จึงจำเป็นต้องนำเครื่องกลับมาลงสนามบิน
.
(อันที่จริงตั้งแต่ตอนวิ่งขึ้นจากสนามบิน นักบินก็เห็นสัญลักษณ์ ‘Red speed flag’ บนหน้าจอแล้ว บ่งบอกว่ามีสิ่งผิดปกติกับการอ่านค่าความเร็วของเครื่อง)
หากแต่นั่นใช่รากของสาเหตุที่แท้จริงหรือไม่ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ มนุษย์ย่อมผิดพลาด และอาจด้วยสาเหตุซ่อนเร้นต่างๆมากมายที่ทำให้คนพลั้งเผลอ ลืม หรือทำข้ามขั้นตอนบางอย่างที่สำคัญไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจัยเหล่านั้นประกอบไปด้วย ปัจจัยมนุษย์ (Human Factors) การสื่อสาร (Communication Issues) สิ่งแวดล้อม (Environmental Factors) ขั้นตอนปฏิบัติที่ไม่เคลียร์ (Procedural Issues)
.
เรื่องปัจจัยมนุษย์นี้สำคัญมาก เป็นหนึ่งในวิชาเรียนภาคทฤษฎีที่นักบินทุกคนต้องเรียน เพราะมนุษย์ย่อมมีข้อจำกัด มนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบ สิ่งต่างๆที่ประเดประดังเข้ามาในชีวิต สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมองค์กร ภาวะความกดดัน เรื่องส่วนตัวและอีกนานาสารพัดอย่าง ล้วนมีผลต่อการตัดสินใจกับการกระทำในทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้น
.
ถามว่าในวันที่พลาดนั้น หากมองลึกไปกว่าแค่คำว่า ‘ลืม’ อาจตั้งคำถามต่อได้ว่า
.
วันนั้นสถานการณ์โดยรอบทำให้เร่งรีบมากไปไหม นักบินทั้งสองคน ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันว่าอีกฝ่ายตรวจเครื่องครบตามขั้นตอนแล้วจึงไม่คอนเฟิร์มกันและกันรึปล่าว ขั้นตอนของบริษัทมีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจนไหม อากาศดูท่าจะไม่ดีเลยรีบร้อนจะเอาเครื่องขึ้นไปก่อนรึปล่าว หรือนักบินอาจถูกบางอย่างดึงดูดความสนใจไปทำให้ข้ามขั้นตอนบางอย่างไป
.
เคยมีครั้งหนึ่ง นักบินสองคนเดินไปที่เฮลิคอปเตอร์ เพื่อตรวจเครื่องก่อนขึ้นบิน แต่ลืมเอา Safety Pins ที่เสียบไว้ที่ Landing Gear (ล้อของเฮลิคอปเตอร์) ออก เพราะต่างฝ่ายต่างเข้าใจว่าอีกคนได้เอาออกแล้ว ผลคือเมื่อเครื่องทะยานขึ้นฟ้า นักบินไม่สามารถเก็บล้อได้ แล้วต้องบินกลับมาลงสนามบิน
.
การทำ Pre-Flight Inspection ทุกครั้งก่อนบินจึงถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่เฉพาะนักบิน แต่ ช่างซ่อมบำรุงก็ด้วย
.
โดยทั่วไป ก่อนเที่ยวบินแรกของวัน ช่างฯ จะตรวจเครื่องตามคู่มือก่อน จากนั้นนักบินก็จะตรวจเครื่องก่อนขึ้นบิน โดยที่เช็กลิสต์การตรวจเครื่องของช่างฯและนักบินอาจแตกต่างกันเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม การตรวจเครื่องก่อนบินสำหรับนักบินจึงถือเป็นปราการขั้นสุดท้ายก่อนจะเอาเครื่องขึ้นลอยไปบนอากาศ
.
ฉะนั้น ความรับผิดชอบหลักจึงอยู่ที่นักบิน หากนักบินพบเจออะไรผิดปกติก่อนจะบิน ก็จะแจ้งช่างฯก่อน เพื่อทำการแก้ไขก่อนขึ้นบิน
.
การตรวจเครื่องสำหรับเฮลิคอปเตอร์นั้น ค่อนข้างจุกจิก และต้องการความละเอียดพิถีพิถัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเฮลิคอปเตอร์แต่ละแบบด้วย ยิ่งเครื่องใหญ่จะยิ่งซับซ้อน การตรวจเครื่องนั้นแบ่งได้เป็นการตรวจภายนอกและการตรวจภายใน รวมถึงการทดสอบระบบต่างๆเช่น ระบบไฟฟ้า เครื่องวัด และระบบแจ้งเตือนต่างๆ
ต่อไปนี้คือตัวอย่างของอุปกรณ์ทุกระบบ ทุกชิ้นส่วน ที่ต้องไล่ตรวจให้ครบก่อนทำการบินสำหรับเฮลิคอปเตอร์
.
– ลำตัวทั้งด้านซ้าย-ขวา ส่วนหัว ส่วนกลาง ประตู และส่วนหาง
– ระบบฐานล้อ
– ใบพัดหลัก ใบพัดหาง รวมถึงชุดอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องโดยรอบทั้งหมด
– สภาพโดยรวมของเครื่องยนต์
– ชุดขับเคลื่อน ชุดถ่ายทอดกำลังต่างๆ
– ถังน้ำมันเชื้อเพลิง ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงการเดรนน้ำมันด้วยว่ามีน้ำหรืออะไรปนเปื้อนหรือไม่
– น้ำมันหล่อลื่นต่างๆในทุกระบบ และน้ำมันไฮดรอลิก
– สายไฟ
– ท่อทางต่างๆ
– ตรวจภายในห้องนักบิน ห้องผู้โดยสาร
– คันบังคับ
– ระบบไฟฟ้า
– ระบบช่วยเดินอากาศ ระบบเครื่องวัดต่างๆ
– ระบบเครื่องมือฉุกเฉินประจำเครื่อง เช่น ถังดับเพลิงบนเครื่อง ไฟฉาย ระบบฉุกเฉินต่างๆ
.
นี่แค่พอสังเขป พอให้เห็นภาพ แต่นักบินเขาจะจำชื่อระบบและอุปกรณ์ต่างๆเป็นภาษาอังกฤษ เราใช้คำทับศัพท์กันเยอะมาก
สำหรับเครื่องที่ใหญ่ จะต้องมีบันไดปีนขึ้นไปดูบนใบพัดหลักของเฮลิคอปเตอร์และใบหัดหางด้วย แต่ก็มีบางเครื่องที่ออกแบบให้นักบินสามารถปีนป่ายไปบนบางพื้นที่ของเครื่องได้ สามารถปีนไปดูบนใบพัดหลักและระบบต่างๆที่อยู่ด้านบนของเครื่องได้ เพื่อตรวจเช็กในทุกชิ้นส่วนตามคู่มือ ตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในเช็กลิสต์ของนักบิน
.
เมื่อทำบ่อยๆจนชิน การตรวจเครื่องก่อนบินจึงเปรียบเสมือนออเดิร์ฟเรียกน้ำย่อยก่อนทำการบินจริง แต่ความเคยชินที่ทำซ้ำๆนี้ จะประมาทไม่ได้ วิชาชีพนี้จึงจำเป็นต้องมี ‘สติ’ กำกับในทุกๆกิจกรรม ‘รู้ตัว’ ในทุกบททุกตอน
.
เพราะเมื่อล้อพื้นพื้น เมื่อปีกกวาดทุกอณูอากาศไปบนท้องฟ้า อีกหลายชีวิตที่นั่งด้านหลัง อีกหลายครอบครัวที่รออยู่ข้างล่าง พวกเขาหวังพึ่งนักบินที่จะพาเครื่องให้บินไปถึงจุดหมายปลายทางได้ด้วยความปลอดภัย
.
ฝรั่งมีสำนวนที่ว่า “An ounce of prevention is worth a pound of cure” หากจะให้เข้ากับสำนวนไทยก็น่าจะหมายถึง “กันไว้ดีกว่าแก้” และหากจะเปรียบกับการบิน สำหรับเรื่องนี้เทียบได้กับมาตรการป้องกันเชิงรุก
.
ฉะนั้นแล้ว การเอาใจใส่ สอดส่องดูแลในทุกกิจกรรมบนพื้นสำหรับการบิน ตั้งแต่ล้อยังไม่พ้นพื้นนั้น จึงถือเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก
.
และการตรวจเครื่องก่อนบินจึงถือเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ห้ามพลาด เวลาทานต้องทานอย่างมี ‘สติ’ และ ‘รู้ตัว’
.
…..
.
สาระเล็กๆน้อยๆ
.
– Pitot Tube (พิโต ทูป) เป็นอุปกรณ์ที่ไว้ใช้วัดความเร็วของเครื่องบิน มีลักษณะเป็นท่อโลหะ หลักการของมันคือการวัดความดันอากาศขณะเครื่องบินเคลื่อนที่ผ่าน (ความดันแบบไดนามิก) และเปรียบเทียบกับความดันคงที่ของอากาศโดยรอบ เอาค่าความต่างของความดันที่เกิดขึ้นมาคำนวณเป็นความเร็วอีกที
.
– Pitot mast covers – คือที่คลุมท่อพิโต มีลักษณะเป็นผ้าที่ทนทาน เช่น ไนลอน อาจมีการเคลือบป้องกันไม่ให้น้ำและน้ำแข็งซึมเข้าไป เวลาบินเสร็จในเที่ยวบินสุดท้ายของวัน เมื่อนักบินและช่างฯตรวจเครื่องหลังบินตามคู่มือแล้ว จะต้องไม่ลืมที่จะนำ Pitot covers คลอบปิดท่อพิโตไว้ด้วย เพื่อป้องกันแมลง น้ำ หรือสิ่งแปลกปลอกเข้าไปอยู่ในท่อนั้น และเช่นกัน เวลาจะนำเครื่องออกไปบินก็ต้องไม่ลืมที่จะเอา Pitot covers ออกด้วย
.
.

อ่านบทความอื่นๆได้ใน Facebook Page : Hovering Inspirations 👇

https://www.facebook.com/profile.php?id=61558412223812&mibextid=ZbWKwL

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *